สารพัดปัญหาสิว วิธีรักษาสิวและผลข้างเคียงของยาทาสิว อาการแสบ หน้าแห้ง หน้าลอกทำไงดี

หลายคนคงจะเคยมีปัญหาเกี่ยวกับการรักษาสิวกันอยู่บ้าง ยิ่งในช่วงเวลาที่สิวเจ้าปัญหาบุกขึ้นหน้า อักเสบแดงเต็มไปหมด ไม่เพียงสร้างความรำคาญใจเท่านั้น แต่ยังทำลายความมั่นใจให้ลดน้อยลง และสำหรับบางคนที่หน้าเป็นสิวบ่อยๆ อาจจะไม่รู้ตัวว่ามีพฤติกรรมบางอย่างที่กำลังทำร้ายผิวหน้า แถมทำให้ปัญหาสิวลุกลาม แย่ลงได้ รวมไปถึงอยากจะทายารักษาสิวแต่พอทาไปแล้วก็เกิดปัญหาตามมามากมาย ทั้งอาการแสบ หน้าแห้ง หน้าลอก จนลังเลใจว่าจะทายาดีมั้ย และเอายังไงกับความยุ่งยากนี้ดี แต่ไม่ต้องกังวลมากจนเกินไป เพราะปัญหาเหล่านี้ย่อมมีทางออกด้วยคำแนะนำต่อไปนี้

วิธีการรักษาสิว มีกี่แบบ ?

เพราะสิวส่วนใหญ่นั้นเกิดจากการอุดตันของไขมันในรูขุมขนภายใต้ผิวหนังและถูกกระตุ้นด้วยเชื้อ P.acne จึงทำให้เกิดเป็นสิวอักเสบปะทุขึ้นมาบนผิวหน้านั่นเอง ซึ่งการรักษาสิวโดยทั่วไปจะแบ่งออกเป็น 3 วิธีการหลักๆ ดังนี้

• ยารับประทาน การรับประทานยารักษา เป็นวิธีการรักษาสิวในระดับรุนแรงและเป็นการรักษาที่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของคุณหมอเท่านั้น ซึ่งโดยส่วนมากแล้วยาที่รับประทานจะช่วยลดปัญหาของความมันที่ก่อให้เกิดการอุดตัน จึงมักมีผลข้างเคียงทำให้ผิวหนังแห้งลอก ปากแห้ง และผิวไวต่อแสงได้ ดังนั้น การรักษาสิวด้วยวิธีนี้จึงต้องดื่มน้ำเยอะๆ ทามอยเจอร์ไรเซอร์และครีมกันแดดเป็นประจำ   
• ทายารักษาสิว ยารักษาสิวแบบทาเป็นวิธีการรักษาขั้นพื้นฐาน ซึ่งโดยปกติแล้วครีมหรือยาทารักษาสิวจะมีส่วนผสมที่ช่วยลดการอุดตัน ลดการอักเสบและกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว รวมถึงช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว ซึ่งอาจทำให้รู้สึกระคายเคือง ผิวแห้งลอกเป็นขุย หรือแม้กระทั่งแสบร้อนบริเวณที่ทาได้ในบางครั้ง
• หัตถการทางการแพทย์ วิธีนี้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการรักษาที่ค่อนข้างนิยมเพราะมีผลข้างเคียงน้อย แต่ให้ประสิทธิภาพดีและเห็นผลได้เร็ว ไม่ว่าจะเป็นการรักษาด้วยเลเซอร์เพื่อลดรอยแดง หรือรักษาหลุมสิว ฉีดยาลดการอักเสบ หรือการฉายแสงเพื่อฆ่าเชื้อและลดการอักเสบ ซึ่งการรักษาสิวด้วยวิธีนี้จำเป็นต้องได้รับการรักษาจากผู้เชี่ยวชาญและต้องต่อเนื่องเช่นเดียวกับวิธีอื่นๆ ถึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดี

5 สิ่งที่ไม่ควรทำ ถ้าอยากให้สิวหายไวๆ

1. บีบ แกะ เกาสิว

การบีบ แกะ เกาสิว หรือสัมผัสผิวหน้าบ่อยเป็นพฤติกรรมที่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะเติมสิ่งสกปรกที่ก่อให้เกิดสิวได้มากขึ้นแล้ว การบีบ แกะ เกาสิวที่ยังอักเสบนั้นทำให้อาการแย่ลง รวมถึงทำให้เป็นรอยแดงและเป็นหลุมสิวได้อีกด้วย

2. กินอาหารมัน ทอด และของหวาน

อาหารเป็นส่วนหนึ่งที่ก่อให้เกิดสิวจากภายในได้ โดยเฉพาะอาหารทอดและของหวาน เพราะอาหารเหล่านี้สามารถกระตุ้นการอักเสบของผิวรวมถึงปัญหาสิวได้ ดังนั้น ในช่วงที่เป็นสิวหรือกำลังรักษาสิวให้งด หรือหลีกเลี่ยงอาหารเหล่านั้นและรับประทานผัก ผลไม้ที่มีกากใยเยอะขึ้น รวมถึงดื่มน้ำให้เพียงพอต่อร่างกายตัวเอง เพื่อขับของเสียออกจากร่างกายและลดความร้อนที่ทำให้สิวอักเสบได้ด้วย

3. ไม่ทาครีมกันแดด

หลายคนที่เป็นสิวมักกลัวการทาครีมกันแดดในช่วงที่เป็นสิว เพราะเข้าใจว่าจะยิ่งทำให้อุดตันและเป็นสิวมากขึ้น ซึ่งในความจริงแล้ว การทาครีมกันแดดจะเป็นเหมือนโล่กำบังผิวหน้าไม่ให้ถูกทำร้าย อีกทั้งยังช่วยกรองไม่ให้แสงแดดไปกระตุ้นผิวให้มีการผลิตน้ำมันเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิว แต่การทาครีมกันแดด ก็ควรเลือกเนื้อครีมให้เหมาะกับสภาพผิวของแต่ละคนด้วย เพื่อลดการเกิดการอุดตันนั่นเอง

4. เครียดและนอนดึก

เพราะความเครียด การนอนน้อย พักผ่อนน้อย จะทำให้ฮอร์โมนในร่างกายแปรปรวน ชนิดที่ต้องหลั่งออกมาซ่อมแซมร่างกายกลับลดน้อยลง อีกทั้งยังหลั่งฮอร์โมนอีกหลายชนิดที่รบกวนการทำงานของร่างกายออกมามากแทน ซึ่งกวนทั้งระบบการเผาผลาญ ระบบการย่อยอาหาร ระบบการนอนหลับและระบบการทำงานของต่อมไขมัน และส่งผลให้ปัญหาสิวปะทุเพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็ว 

5. ละเลยความสะอาดและการรักษาสิว

สิ่งสำคัญที่ต้องดูแลเป็นพิเศษเมื่อมีปัญหาหน้าเป็นสิวคือการรักษาความสะอาดและการรักษาสิวอย่างต่อเนื่อง เพราะระหว่างวันผิวหน้าต้องเจอทั้งฝุ่นควัน เครื่องสำอาง ครีมกันแดด เหงื่อไคลและความมันส่วนเกินบนใบหน้า สิ่งเหล่านี้สามารถอุดตันและเป็นเชื้อกระตุ้นให้เกิดสิวชั้นดี ดังนั้นอย่าละเลยเรื่องความสะอาด ก่อนทิ้งตัวลงนอนอย่าลืมล้างหน้าทำความสะอาดและทายารักษาสิว เพื่อดูแลปัญหาสิวให้ดีขึ้น 

ใช้ยารักษาสิวแล้วผิวแห้ง แดง ลอก ต้องทำไง

หลายคนที่รักษาสิวด้วยครีมหรือยาทารักษาสิว มักพบผลข้างเคียงที่ทำให้รู้สึกระคายเคืองผิว ผิวแห้ง แดง ลอก จนอยากจะหยุดการรักษา แต่อย่าเพิ่งถอดใจ เรามีวิธีแก้ไขปัญหามาฝากกัน

• ลดความถี่ ลดเวลาและความเข้มข้น ยาทารักษาสิวบางตัวมีความเข้นสูงอย่าง Benzac AC หรือยาทากลุ่มวิตามินเอ การใช้ทุกวันอาจทำให้ผิวระคายเคืองได้ แนะนำให้ทาวันเว้นวัน หรือลดระยะเวลาให้น้อยลง เช่น จาก 10 นาที เหลือ 5 นาที หรือขอคำปรึกษากับคุณหมอเพื่อลดความเข้มข้นของตัวยาลง เช่น Benzac AC จาก 5% ลดลงมาที่ 2.5% และกลุ่มวิตามินเอ จาก 0.05% ลดลงมาที่ 0.025%
• ไม่ทายาขณะผิวหน้าเปียก หลังล้างหน้าไม่ควรทายารักษาสิวทันที เพราะขณะที่ผิวหน้าเปียกชื้น ยาจะดูดซึมได้ดี และอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองได้ง่าย 
• ทามอยเจอร์ไรเซอร์ไม่มีน้ำหอม ช่วงที่รู้สึกแสบหน้า หน้าแห้ง แดง ลอก แนะนำให้ทามอยเจอร์ไรเซอร์เพิ่มขึ้น โดยมอยเจอร์ไรเซอร์ที่ใช้ควรเป็นแบบ Oil-free ที่ไม่ทำให้เกิดสิวอุดตัน ไม่มีสารที่ก่อให้เกิดการแพ้ (Hypoallergenic) ไม่มีน้ำหอม (Fragrance free) จะช่วยลดอาการผิวแห้ง แสบ เคืองได้
• ใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าสูตรอ่อนโยน เพราะผิวหน้าช่วงแห้ง แดง ลอกนั้นอ่อนแอเป็นอย่างมาก การใช้โฟมล้างหน้าที่มีสารชะล้างรุนแรงจะยิ่งทำให้หน้าแห้ง และระคายเคืองได้มากกว่าเดิม ลองเปลี่ยนมาใช้โฟมล้างหน้าที่อ่อนโยนต่อผิว หรือใช้น้ำเปล่าสะอาดล้างแทนในวันที่ผิวไม่มันมาก จะช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองได้ดี
• งดการขัดหน้า ทรีตเมนต์ หรือเลเซอร์บริเวณใบหน้า เนื่องจากจะทำให้ชั้นผิวบางลง หากทายารักษาสิวร่วมด้วยอาจทำให้เกิดอาการแสบหน้าได้ง่าย ดังนั้นหัตถการที่ทำให้ผิวแห้ง หรือใช้ความร้อนควรงดออกไปก่อน
• ทาครีมกันแดดเสมอ โดยเลือกครีมกันแดดที่มี SPF อย่างน้อย 30 หรือป้องกันได้ทั้ง UVA และ UVB และเป็นสูตร Oil-free/ Non-comedogenic ไม่ก่อให้เกิดสิว เนื่องจากยาทารักษาสิวโดยเฉพาะกลุ่มวิตามินเออาจทำให้ผิวมีปฏิกิริยาไวต่อแสง การทาครีมกันแดดจะช่วยปกป้องผิวแดง ไหม้ได้ดีกว่า

เรียบเรียงโดย พญ. สุธาสินี ไพฑูรย์วัฒนกิจ แพทย์ผู้ชำนาญการด้านผิวหนัง

นี่คือข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาสิว พฤติกรรมที่ไม่ควรทำระหว่างเป็นสิวและคำแนะนำเกี่ยวกับการใช้ยารักษาสิวที่เราได้นำมาฝากกัน แต่ถ้าใครลองวิธีข้างต้นแล้วยังมีปัญหาสิวที่รุนแรงขึ้น หรือมีอาการแสบมากจนไม่สามารถใช้ยาทาได้ แนะนำให้พบแพทย์เพื่อรับคำปรึกษาเพิ่มเติม และหาแนวทางในการรักษาที่เหมาะสมต่อไป 

ที่ศูนย์ผิวหนังและความงาม (Skin & Aesthetic) โรงพยาบาลวิมุต เราเชี่ยวชาญทุกเรื่องผิว พร้อมเครื่องมือที่ทันสมัย ที่นี่เรามีทีมคุณหมอผิวหนังและความงามเฉพาะทางโรคผิวหนัง พร้อมให้คำปรึกษาและบริการรักษาสิวครบวงจร ด้วยโปรแกรมรักษาสิวและทำหน้าใส (Acne Clear Dermacool) ที่จัดการปัญหาสิวและรอยสิวให้ครบ ตั้งแต่การกดสิว ฉีดสิว ที่ทำโดยคุณหมอผิวหนังของโรงพยาบาล ผลักวิตามินผิว เติมอาหารผิวและปลอบประโลมผิวด้วยความเย็น และแสงบำบัดที่ช่วยบำรุงให้ผิวชุ่มชื้น ฆ่าเชื้อสิว ปรับผิวให้กระจ่างใสได้ครบในโปรแกรมเดียว หรือโปรแกรมดูแลผิวหน้ากระชับรูขุมขน รักษาและเติมเต็มหลุมสิวด้วยโปรแกรมกรอผิวด้วยเกล็ดอัญมณี (Dermabrasion) เป็นทรีตเมนต์สำหรับผลัดเซลล์ผิวเก่าอย่างอ่อนโยนด้วยเกล็ดอัญมณี ที่พร้อมกระตุ้นคอลลาเจนบนผิวหน้า ดูแลรูขุมขนให้แลดูกระชับขึ้น พร้อมเติมเต็มหลุมสิวให้กลับมาเรียบเนียนขึ้นได้ รวมถึงทางโรงพยาบาลยังมีโปรแกรมเลเซอร์รักษาหลุมสิวด้วยเทคโนโลยีคลื่นความถี่วิทยุแบบแฟรกชั่นนอล (Fractora) ที่ช่วยรักษาปัญหาหลุมสิว รอยแผลเป็นสิว ลดรอยด่างดำ ริ้วรอย กระชับรูขุมขน และทำให้ผิวหน้าเรียบเนียน 

สนใจเข้าปรึกษาปัญหาผิวหนัง ปัญหาสิว รักษาสิว หรือแพ็กเกจโปรแกรมการรักษาสิวและการดูแลเพิ่มเติมได้ที่

ศูนย์ผิวหนังและความงาม ชั้น 9 โรงพยาบาลวิมุต 

ตั้งแต่เวลา 08.00 – 20.00 น. ติดต่อ 0-2079-0074 

หรือดาวน์โหลด ViMUT Application เพื่อนัดหมายแพทย์ หรือบริการปรึกษาหมอออนไลน์ได้

 

ทุกปัญหาสุขภาพ ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางออนไลน์ ที่พร้อมดูแลคุณด้วยความใส่ใจ