เวียนหัว บ้านหมุน เหมือนจะอาเจียน ใช่อาการหินปูนในหูเคลื่อนหรือไม่

โรคหินปูนในหูเคลื่อน หรือหินปูนในหูหลุด โรคสุดฮิตที่เป็นสาเหตุให้ใครหลายๆ คนต้องพบเจอกับอาการบ้านหมุนรอบตัวเอง เวียนหัว พะอืดพะอม คลื่นไส้ไม่หยุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาเปลี่ยนท่า ขยับตัว สำหรับใครที่กำลังรู้สึกว่าตัวเองมีอาการเบื้องต้นแบบนี้ และคิดว่าอาจจะกำลังเผชิญหน้าอยู่กับโรคนี้ เรามาเช็กตัวเองเบื้องต้นกันดีกว่าว่าอาการแบบนี้ใช่โรคหินปูนในหูเคลื่อนไหมนะ ?

โรคหินปูนในหูเคลื่อน คืออะไร ?

คนปกติจะมีหินปูนอยู่ในอวัยวะควบคุมการทรงตัวในหูทั้ง 2 ข้าง ซึ่งจะทำหน้าที่ช่วยรับรู้การเคลื่อนไหวและการทรงตัว แต่หากหินปูนในหูดังกล่าวมีการเคลื่อนหรือหลุด จะทำให้ร่างกายรับรู้การเคลื่อนไหวที่ผิดปกติไป จึงทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะบ้านหมุน บางรายที่เป็นมากอาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วยได้ ในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่มีรายงานว่าอาจเกี่ยวกับอุบัติเหตุกระทบกระแทกที่ศีรษะ การติดเชื้อในหูชั้นใน อายุที่เพิ่มมากขึ้น ความเครียด และระดับวิตามินดีที่ต่ำ 

สาเหตุของโรคหินปูนในหูเคลื่อน

ในปัจจุบันส่วนใหญ่เกิดแบบไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่มีปัจจัยเสี่ยงที่อาจส่งผลต่อการเกิดโรคหินปูนในหูเคลื่อนได้ เช่น 

1. เคยประสบอุบัติเหตุศีรษะกระแทก
2. ติดเชื้อภายในหูชั้นใน
3. ร่างกายเสื่อมลงตามวัย
4. เคยเข้ารับการผ่าตัดหูชั้นใน
5. มีการเคลื่อนไหวศีรษะแบบเร็วๆ ซ้ำๆ 

 

อาการโรคหินปูนในหูเคลื่อนมีอะไรบ้าง

อาการเวียนศีรษะบ้านหมุนจากหินปูนในหูเคลื่อน มักสัมพันธ์กับการเปลี่ยนท่าทาง เช่น การลุกจากที่นอน การก้มเก็บของ การพลิกตัวขณะนอนหลับ มักจะพบอาการดังนี้

• วิงเวียนศีรษะ เสียการทรงตัว รู้สึกบ้าน / สิ่งแวดล้อมรอบตัวหมุนรอบตัว หรือรู้สึกตัวเองหมุน โคลงเคลง 
• คลื่นไส้ อาเจียน เหงื่อแตก  มักจะพบได้ในคนที่มีอาการหนัก

ทั้งนี้โรคหินปูนในหูเคลื่อนมักไม่พบอาการหูอื้อ หรือมีเสียงดังในหูและอาการบ้านหมุนมักจะมีอาการไม่นานนัก เป็นเพียงระยะสั้นๆ โดยอาการที่เป็นมักสัมพันธ์กับการเปลี่ยนท่าทาง เช่น ก้มศีรษะ หันศีรษะ หรือพลิกตะแคงตัว เมื่อนั่งอยู่เฉยๆ หรือนอนพักสักครู่ ผู้ป่วยมักมีอาการดีขึ้น แต่อาการบ้านหมุนก็มักจะยังเป็นซ้ำเวลาเปลี่ยนท่า ซึ่งอาการดังกล่าวจะค่อยๆ ดีขึ้นโดยใช้เวลาเป็นสัปดาห์ หรือเดือน และสามารถกลับมาเป็นซ้ำได้ในเวลาหลายเดือน หรือหลายปี

วิธีการดูแลตัวเอง เมื่อมีอาการหินปูนในหูเคลื่อน

การดูแลตัวเองหลังมีอาการหินปูนในหูเคลื่อน เป็นการรักษาตามอาการที่เกิดขึ้นขณะนั้น หากเวียนหัว บ้านหมุน สามารถบรรเทาอาการด้วยการรับประทานยาแก้เวียนศีรษะ หรือนั่งพักผ่อน นอนพักเฉยๆ สักระยะ และอย่าลืมให้ความสำคัญกับการระมัดระวังอุบัติเหตุใกล้ตัว เช่น งดขับรถในช่วงที่มีอาการ  และงดทำกิจกรรมที่ต้องก้มๆ เงยๆ หรือมีการหันศีรษะเร็วๆ เพราะอาจเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุตามมาได้ สำหรับผู้สูงอายุต้องระมัดระวังเวลาเคลื่อนไหวร่างกายเป็นอย่างมาก พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียด การใส่ใจดูแลร่างกายเป็นการปกป้องร่างกายได้ดีที่สุด เพราะเป็นการดูแลตั้งแต่ต้นเหตุที่แท้จริง 

ทั้งนี้ หากปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เป็นปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้แล้วอาการยังไม่ดีขึ้น หรือทุเลาลง ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด โดยแพทย์จะมีการหมุนจัดหินปูนที่เคลื่อนให้กลับเข้าที่ ร่วมกับการใช้ยา และในรายที่มีอาการอ่อนแรงแขนขา ปากเบี้ยวหน้าเบี้ยว ลิ้นแข็งพูดไม่ชัด จำเป็นต้องมาพบแพทย์โดยทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณของโรคทางระบบประสาทและสมองซึ่งจำเป็นต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติมโดยแพทย์

 

สำหรับโรคหินปูนในหูเคลื่อนหรือหลุด แม้ว่าเราจะทราบว่าเกิดขึ้นจากสาเหตุอะไรได้บ้าง แต่ทั้งนี้ก็ยังไม่สามารถฟันธงได้ชัดเจนว่าเกิดจากสาเหตุไหนเป็นหลัก หากมีอาการต้องรักษาด้วยยา การหมุนจัดหินปูนที่เคลื่อนให้เข้าที่ กายภาพบำบัดและการดูแลตัวเอง ดังนั้นหากใครที่เป็นโรคนี้แล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้อาการกำเริบอย่าลืมหันมาดูแลตัวเอง ระวังอุบัติหตุที่จะกระทบศีรษะ การติดเชื้อที่หู รวมถึงลดความเครียดและพักผ่อนอย่างมีคุณภาพ ก็จะช่วยลดอาการที่อาจกำเริบขึ้นมาได้ 

เรียบเรียงโดย พญ. นิชนันท์ นนทชัยภูมิ แพทย์ผู้ชำนาญการโสต ศอ นาสิก

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและนัดหมายแพทย์ได้ที่
ศูนย์หู คอ จมูก ชั้น 5 โรงพยาบาลวิมุต 

เวลา 08.00-20.00 น. โทร. 0-2079-0050 

หรือดาวน์โหลด ViMUT Application เพื่อนัดหมายแพทย์ หรือบริการปรึกษาหมอออนไลน์

ทุกปัญหาสุขภาพ ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางออนไลน์ ที่พร้อมดูแลคุณด้วยความใส่ใจ