ตามัว ตาพร่า มองไม่ชัด! เป็นอาการผิดปกติทางสายตาที่หลายคนเข้าใจว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่สามารถเกิดขึ้นได้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งอาจมาจากการใช้สายตาอย่างหนัก หรือการโฟกัสหน้าจอนานเกินไป แต่นั้นเป็นเพียงหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เกิดตามัวได้แต่ไม่ใช่ทั้งหมด! เพราะบางรายอาจมีสาเหตุปัจจัยอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง รวมถึงเป็นสัญญาณของโรคบางชนิดที่ส่งผลต่อการมองเห็น เพื่อให้รู้เท่าทันโรคอันตรายที่แฝงมากับความผิดปกติทางสายตา เรามาดูกันว่ามีโรคอะไรบ้าง…

อาการตาพร่ามัว (Blurry Vision) เกิดจากอะไร ทำไมมองไม่ชัด!

การที่สายตาของเราเกิดอาการพร่ามัว มองไม่ชัด เห็นภาพเบลอ หรือเห็นภาพซ้อนทับกัน สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ และอาจเป็นสัญญาณเตือนถึงโรคหรือภาวะทางสุขภาพที่สำคัญหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นโรคที่เกี่ยวกับดวงตาโดยตรงหรือโรคจากระบบอื่นๆ โดยอาการตามัว ตาพร่าอาจเกิดขึ้นอย่างช้าๆ หรือทันทีทันใด ขึ้นอยู่กับสาเหตุในผู้ป่วยแต่ละบุคคล 

รู้ให้ทัน! อาการตามัว ตาพร่า เป็นสัญญาณจากโรคใดบ้าง?

• โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)
  ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองอาจมีการมองเห็นที่เปลี่ยนแปลงไป เพราะการอุดตันหรือแตกของหลอดเลือดในสมองมีส่วนเกี่ยวข้องกับการมองเห็นหรือการกลอกตา ทำให้สูญเสียการมองเห็นไปบางส่วน เกิดอาการตามัว มองเห็นภาพซ้อน สูญเสียลานสายตา หรือตาบอดอย่างฉับพลันได้ 

• โรคเบาหวาน (Diabetes)
  ผู้ป่วยโรคเบาหวานมีโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อนที่ลุกลามไปจนถึงบริเวณดวงตาได้ หรือที่เราเรียกกันว่า “เบาหวานขึ้นตา” (Diabetic Retinopathy) เกิดจากภาวะที่ระดับน้ำตาลในเลือดสูงจนเส้นเลือดเสื่อมสภาพ ทำให้จอตาบวมขาดเลือดและเกิดอาการตามัวตามมา หากไม่ได้รับการรักษาสามารถส่งผลให้ตาบอดได้ 

• ปัญหาค่าสายตา (Refractive Errors)
  ในผู้ที่มีค่าสายตาที่ผิดปกติทั้งสายตาสั้น สายตายาว จะมีปัญหาการมองเห็นที่เกิดจากการหักเหของแสงในดวงตาผิดปกติ ทำให้มองเห็นภาพไม่ชัดเจน มีอาการตามัว ตาพร่า เนื่องจากต้องใช้การเพ่งสายตาเพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น รวมถึงภาวะสายตาเอียงที่กระจกตามีรูปร่างผิดปกติ ไม่สามารถรับแสงให้ตรงจุดโฟกัสได้ ก็สามารถเกิดปัญหาตามัวมองไม่ชัดได้เช่นกัน 

• โรคทางสายตา (Eye Diseases)
  อาการตามัวสามารถเกิดได้จากโรคทางสายตาอื่นๆ โดยตรง เช่น โรคต้อกระจก เป็นภาวะที่เกิดการขุ่นมัวของเลนส์ตา ทำให้แสงไม่สามารถผ่านเข้าไปในตาจึงมีอาการตามัวมองไม่ชัดได้ หรือโรคกระจกตาอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อของไวรัส แบคทีเรีย สามารถทำให้เกิดอาการตาแดง ตามัว ตาอักเสบได้เช่นกัน 

• ไซนัสอักเสบ (Sinus)
  ไซนัสอักเสบที่รุนแรงมีโอกาสที่จะลุกลามไปยังบริเวณเบ้าตาได้ ส่งผลให้เนื้อเยื่อรอบดวงตาเกิดการอักเสบ ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักมีอาการตาบวม ปวดตา ตามัว ตาแดง กลอกตาได้ไม่สุด หากปล่อยไว้โดยไม่รีบรักษาอาจรุนแรงถึงขั้นทำให้ตาบอดได้ 

• ไมเกรน (Migraine)
  ผู้ป่วยไมเกรนที่มีอาการปวดศีรษะรุนแรง ปวดหัวแบบตุบๆ อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน และไวต่อแสง หรือเสียง ทำให้มีปัญหาในการมองเห็น เกิดอาการตามัว มองเห็นแสงวูบวาบ หรือมองเห็นแสงวิบวับ รวมถึงมีจุดที่พร่ามัวในลานสายตา โดยอาการจะเป็นเพียงชั่วคราวก่อนจะทุเลาลงและกลับมาเป็นปกติ

• ความเครียดและวิตกกังวล (Stress and Anxiety)
  ความเครียดและความวิตกกังวลส่งผลเสียต่อร่างกายมากกว่าที่คุณคิด รวมถึงปัญหาด้านสายตาร่วมด้วย เนื่องจากร่างกายจะทำการกระตุ้นระบบประสาทอัตโนมัติ ทำให้ระดับอะดรีนาลีนสูงกว่าปกติ ส่งผลให้มีอาการตาลาย ตามัวมองไม่ชัดได้ 

• ตามัวจากปัจจัยด้านอื่นๆ
  อาการตามัวยังสามารถเกิดขึ้นได้จากภาวะตาแห้งเนื่องจากการใช้สายตามากเกินไป หรืออยู่ในระหว่างตั้งครรภ์ ทำให้แหล่งสะสมน้ำในร่างกายมีมากกว่าปกติ ส่งผลให้มีอาการตามัว ตาพร่าได้ รวมถึงการเกิดอุบัติเหตุที่ดวงตา การผ่าตัดที่ดวงตา และการอักเสบหรือเสื่อมสภาพของโครงสร้างในดวงตาก็ส่งผลให้เกิดอาการตามัวมองไม่ชัดได้เช่นกัน  

อย่างที่กล่าวไปว่าอาการตาพร่ามัวเกิดได้จากหลายสาเหตุที่ยกตัวอย่างมาเป็นส่วนหนึ่ง การรู้เท่าทันอาการและสัญญาณเบื้องต้นสามารถช่วยให้เรารับมือและป้องกันปัญหาจากโรคร้ายแรงอื่นๆ ได้ดียิ่งขึ้น! เพราะอวัยวะต่างๆ ทั่วร่างกายต่างทำงานสัมพันธ์กัน ความผิดปกติเพียงเล็กน้อยอาจส่งผลเสียที่รุนแรงต่อร่างกายในอนาคตได้ หากพบว่ามีอาการตามัว ตาพร่า มองไม่ชัด ร่วมกับอาการผิดปกติอื่นๆ ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและนัดหมายแพทย์ได้ที่
ศูนย์จักษุ ชั้น 5 โรงพยาบาลวิมุต 
เวลาทำการ 08:00 - 20:00 น. โทร. 0-2079-0058
หรือดาวน์โหลด ViMUT Application เพื่อนัดหมายแพทย์ หรือบริการปรึกษาหมอออนไลน์ 

ทุกปัญหาสุขภาพ ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางออนไลน์ ที่พร้อมดูแลคุณด้วยความใส่ใจ