รับมืออย่างไรเมื่อ COVID-19 รบกวนชีวิตผู้ป่วยเบาหวาน

24 ต.ค. 64  | ศูนย์เบาหวาน ต่อมไร้ท่อ และควบคุมน้ำหนัก
แชร์บทความ      

รับมืออย่างไรเมื่อ COVID-19 รบกวนชีวิตผู้ป่วยเบาหวาน

COVID- 19 เป็นอุปสรรคที่รบกวนชีวิตทุกคนมาอย่างยาวนาน  โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยเบาหวานที่ได้รับผลกระทบแทบจะมากที่สุดในหลายมิติและหลายช่วงเวลา ไม่ว่าจะติดโควิดแล้ว ยังไม่ติดโควิด หรือติดโควิดจนหายไปแล้วก็ตามวันนี้ แพทย์หญิงธนพร พุทธานุภาพ จากศูนย์เบาหวาน ไทรอยด์ ต่อมไร้ท่อ และควบคุมน้ำหนัก โรงพยาบาลวิมุต มีคำตอบให้กับคำถามที่ว่า COVID-19 รบกวนชีวิตผู้ป่วยเบาหวานอย่างไร ผู้ป่วยและญาติเองจะสามารถรับมือได้อย่างไรได้บ้าง

 

ไม่ได้เสี่ยงมากกว่า แต่ถ้าติด COVID-19 ขึ้นมาจะรุนแรง

"ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าผู้ป่วยเบาหวานจะติดโควิดง่ายกว่า โดยทั่วไปแล้วอัตราการติดโควิดก็ใกล้เคียงกับคนทั่วไปค่ะ แต่ที่จัดเป็นโรคกลุ่มเสี่ยง เพราะว่าถ้าติดเชื้อไปแล้วผู้ป่วยเบาหวานมีสิทธิ์จะอาการรุนแรงกว่าคนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่คุมเบาหวานได้ไม่ดี น้ำตาลในเลือดสูง และบางคนมีโรคแทรกซ้อนหรือโรคร่วมอื่นๆ อยู่ด้วย เช่น โรคหัวใจ โรคไตเสื่อมเรื้อรัง รวมถึงผู้ป่วยเบาหวานก็มักจะเป็นผู้สูงวัยหรือกลุ่มที่น้ำหนักเกินอยู่แล้ว ก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรครุนแรงมากขึ้นค่ะ"

 

ลดระดับความรุนแรง… ผู้ป่วยเบาหวานกับการฉีดวัคซีนโควิด เพื่อป้องกันการติดเชื้อรุนแรง ผู้ป่วยเบาหวานสามารถฉีดวัคซีนโควิดได้ไหม ?

“หลายคนอาจสงสัยว่าผู้ป่วยเบาหวานฉีดวัคซีนโควิดได้หรือไม่ ซึ่งการฉีดวัคซีนสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน สามารถฉีดได้และแนะนำให้ทุกคนไปรับวัคซีนโควิด เพราะวัคซีนสามารถช่วยลดการติดและอาการที่จะรุนแรงได้ค่ะ”

 

น้ำตาลยิ่งมาก ภูมิต้านทานยิ่งน้อย การอักเสบในร่างกายยิ่งสูง

“ถ้าระดับน้ำตาลในเลือดสูง ภูมิคุ้มกันร่างกายที่ใช้ในการกำจัดเซลล์ไวรัสจะยิ่งน้อยลง เมื่อร่างกายจัดการกับไวรัสได้ไม่ดี ก็มีโอกาสที่โควิดจะมีอาการรุนแรงหรือไปที่ปอดได้มากขึ้น ร่วมกับเวลาติดโควิดร่างกายเราจะเกิดการอักเสบในหลายๆตำแหน่ง เช่น ปอด กล้ามเนื้อหัวใจ เส้นเลือดต่างๆ ซึ่งการที่ระดับน้ำตาลในเลือดสูง จะทำให้การอักเสบตรงนี้เพิ่มขึ้นได้ เวลาร่างกายมีการอักเสบเยอะ น้ำตาลก็จะยิ่งสูง แล้วพอน้ำตาลยิ่งสูง การอักเสบก็ยิ่งเพิ่มขึ้น เป็นสาเหตุให้ผู้ป่วยเบาหวานหรือคนที่มีความเสี่ยงเบาหวานมีโอกาสเป็นโควิดแบบรุนแรงมากกว่าคนทั่วไป

 

ดังนั้นสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน นอกจากดูแลเว้นระยะห่าง ล้างมือ หลีกเลี่ยงการไปในที่ชุมชนแล้ว หมอแนะนำให้ควบคุมโรคให้ดีค่ะ แนะนำให้น้ำตาลตอนเช้าก่อนมื้ออาหารควรไม่เกิน 130 mg/dL หลังกินอาหาร 2 ชม. แล้วน้ำตาลควรไม่เกิน 180 mg/dL ถ้าเจาะน้ำตาลสะสมไม่ควรเกิน 7% ซึ่งตัวเลขเหล่านี้เป็นเป้าหมายสำหรับผู้ป่วยเบาหวานทั่วไปอยู่แล้วค่ะ ถ้าทำได้ก็จะช่วยป้องกันการเป็นโควิดแบบรุนแรงได้ระดับนึงเลยค่ะ”

 


การจัดการเมื่อผู้ป่วยเบาหวานติด COVID-19

ถ้าป่วยด้วยโควิดแล้วอาการหนักต้องนอนโรงพยาบาล หมอมักจะให้ยาชนิดฉีดแทน แต่ถ้าเป็นผู้ป่วยเบาหวานติด COVID-19 แล้วต้องทำ Home Isolation เบื้องต้นสำหรับการดูแลผู้ป่วยเบาหวานที่บ้านสามารถดูแลตัวเองแบบคนอื่นๆ ได้ ดังนี้ 

  • ทานยารักษาโควิด-19 และเตรียมยาประจำตัวให้พอ ทานยารักษา COVID-19 ตามที่แพทย์สั่ง แนะนำให้เตรียมยาโรคประจำตัวให้เพียงพอ ในส่วนของยาเบาหวาน หากเป็นยาฉีดสามารถฉีดต่อได้ 
  • รับคำแนะนำเรื่องยาที่สามารถทานได้ ส่วนยารับประทาน บางตัวสามารถกินต่อได้บางตัวต้องหยุด ตรงนี้แนะนำให้ปรึกษาหมอประจำตัว หรือแพทย์เฉพาะด้านที่ดูแลอีกทีค่ะว่าตัวไหนยังสามารถทานต่อได้
  • สังเกตภาวะน้ำตาลผิดปกติ อีกอย่างที่ต้องระวังก็คือถ้าผู้ป่วยเบาหวานเป็น COVID-19 ต้องระวังทั้งน้ำตาลสูงและน้ำตาลต่ำผิดปกติค่ะ ผู้ป่วยอาจจะดื่มน้ำได้น้อยบวกกับการติดเชื้อ ทำให้น้ำตาลสูงขึ้นกว่าปกติและทำให้เกิดภาวะเลือดเป็นกรดจากน้ำตาลสูงในเบาหวานได้ และผู้ป่วยบางรายที่กินอาหารได้น้อย อาจมีภาวะน้ำตาลต่ำได้ ดังนั้นควรดื่มน้ำให้มากๆ 1.5 - 2 ลิตรต่อวัน ถ้าปัสสาวะออกปกติ พยายามทานอาหารให้ครบ 3 มื้อ โดยเลือกเป็นอาหารที่ไม่หวาน ควบคุมปริมาณข้าวแป้งในแต่ละมื้อ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลและของหวาน แต่ควรมีน้ำหวาน หรือลูกอมติดบ้านไว้รับประทานเมื่อมีภาวะน้ำตาลต่ำ
  • จาะเลือดตรวจระดับน้ำตาล แนะนำให้หาเครื่องเจาะน้ำตาลปลายนิ้วติดไว้ที่บ้านนะคะ สำหรับไว้เจาะดูระดับน้ำตาล เพราะตอนนี้การไป รพ.ทำได้ยาก ในช่วงที่ป่วยแนะนำเช็กน้ำตาลปลายนิ้วอย่างน้อยวันละ 1-2 ครั้ง ถ้ารู้สึกมีอาการผิดปกติค่ะ

 

 

นอกจากคุมเบาหวาน ยังต้องสังเกตการณ์โรคแทรกซ้อน

“อย่างที่บอกค่ะ ผู้ป่วยเบาหวานที่ติด หรือเป็นโควิด อาจมีปัญหาน้ำตาลสูงผิดปกติหรือน้ำตาลต่ำได้ค่ะ ดังนั้นจึงควรสังเกตอาการต่างๆ ดังนี้ 

  • ภาวะน้ำตาลสูง ควรจะสังเกตอาการไว้ด้วยค่ะ อาการเวลาน้ำตาลสูงมากๆ เช่น หิวน้ำบ่อย ปัสสาวะบ่อย น้ำหนักลดผิดปกติ อ่อนเพลียมาก หอบเหนื่อย คลื่นไส้อาเจียน หากมีอาการให้ดื่มน้ำเปล่ามากๆ และเจาะน้ำตาลปลายนิ้วดู ถ้ามากกว่า 300 mg/dL แนะนำปรึกษาแพทย์ หรือไป รพ.
  • ภาวะน้ำตาลต่ำ ส่วนน้ำตาลต่ำให้สังเกตอาการ เช่น หวิวๆ หิว ใจสั่น เหงื่อออก พูดคุยไม่รู้เรื่อง หรือหมดสติ แนะนำให้เจาะน้ำตาลปลายนิ้วดูค่ะ ถ้าค่าน้อยกว่า 80 mg/dL ให้รีบทานอาหาร หรือน้ำหวานจนกว่าอาการจะดีขึ้นค่ะ แต่ถ้าไม่มีที่เจาะน้ำตาล ดูแนวโน้มแล้วว่าอาการไม่รุนแรงให้รับประทานอาหาร หรือน้ำหวาน แล้วสังเกตอาการ แต่ถ้าหมดสติควรรีบพาไป รพ.
  • อาการแทรกซ้อนอื่นๆ นอกจากนี้ผู้ป่วยเบาหวานที่ติดโควิดอาจมีโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ที่ควรสังเกตเช่นกัน พวกอาการทางหัวใจ เช่น เจ็บหน้าอก แน่นหน้าอก อาการทางตับ เช่น ตัวเหลือง ตาเหลือง เบื่ออาหาร เพราะเราต้องทานยาหลายชนิดร่วมกัน ต้องคอยระวังไว้ด้วยค่ะ”

 

ยารักษาโควิด สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน…เหมือนกันแต่ไม่เหมือนกัน

“จริงๆ การรักษาหลักเหมือนกันค่ะ ก็คือเป็นยาต้านไวรัส และถ้าคนไข้มีอาการติดเชื้อเยอะก็จะได้รับยาลดการอักเสบที่เป็นยากดภูมิกลุ่มสเตียรอยด์ที่ช่วยลดการอักเสบ ซึ่งยาอาจจะทำให้น้ำตาลสูงขึ้นได้ ในบางเคส แพทย์อาจจะต้องปรับยาเบาหวานเพิ่มขึ้น หรือมีการปรับใช้เป็นยาฉีดอินซูลินชั่วคราวได้ค่ะ อย่างที่ได้บอกไปหาก Home isolation แนะนำหาเครื่องเจาะน้ำตาลปลายนิ้วไว้เพื่อดูระดับน้ำตาลใกล้ชิด”

 

“ส่วนสมุนไพรต่างๆ ที่นิยมกินแก้โควิด อาจต้องระวังอย่ารับประทานมากเกินไป เพราะว่าบางชนิดมีผลต่อตับ โดยเฉพาะถ้ามียาที่รับประทานประจำค่อนข้างเยอะ ต้องระวังว่าการกินสมุนไพรบางชนิดอาจจะไปลดหรือเพิ่มการออกฤทธิ์ของยาบางตัวได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดอันตรายได้ค่ะ”

 

 

Tele-Medicine ตัวช่วยเรื่องไม่ให้ขาดยาช่วงเบาหวาน

“ไม่ควรขาดยาเลยค่ะ ควรเตรียมยาให้เพียงพออย่างน้อย 1-3 เดือน หรือตามความสะดวกในการเดินทางไป รพ.ของแต่ละคนค่ะ ถ้ายาหมดต้องพยายามหาที่รับยา เช่น ผ่านทาง Tele-Medicine หรือบาง รพ.มีบริการส่งยาทางไปรษณีย์ ปัจจุบันก็มีการใช้มากขึ้นค่ะ ในกรณีน้ำตาลไม่ดี ปกติหมอมักจะนัดบ่อย ในช่วงนี้อาจปรึกษาแพทย์ขอยาล่วงหน้าจากแพทย์ไปเลย 3-6 เดือน และพูดคุยปรับยากับแพทย์ทาง Tele-Medicine แทน อย่างนี้ก็สามารถทำได้ค่ะ ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของแต่ละ รพ.ด้วย ถ้าผู้ป่วยมีเครื่องเจาะน้ำตาลปลายนิ้วก็จะสะดวกมากขึ้นค่ะ แต่ถ้าคนไข้สะดวกจะมาปรึกษาหมอที่โรงพยาบาลก็สามารถทำได้เช่นกันค่ะ อย่าลืมเตรียมผลน้ำตาล ผลเลือดต่างๆ ก่อนหน้านี้ ถ้ามี รวมถึงเตรียมยาเดิมที่รับประทาน ทั้งชื่อยาและขนาดยามาด้วยค่ะ”

 

สุดท้าย กันไว้ยังไงก็ดีกว่าแก้

“ถึงแม้การคุมน้ำตาลให้ดีจะลดความรุนแรงของโควิดได้ แต่ถ้าไม่ติดก็จะดีที่สุดค่ะ ดังนั้นต้องอย่าลืมดูแลตัวเองอยู่เสมอด้วยการ

  • ป้องกันตัวเองให้ดี ใส่หน้ากาก ล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ล้างมือบ่อยๆ หลีกเลี่ยงการไปในที่ชุมชน 
  • รับวัคซีนเพิ่มภูมิคุ้มกัน แนะนำให้ทุกคนไปรับวัคซีนโควิด เพราะวัคซีนสามารถช่วยลดการติดและอาการที่จะรุนแรงได้ค่ะ 
  • ดูแลเรื่องอาหาร นอกจากนี้อาจดูแลสุขภาพตัวเองง่ายๆ เริ่มต้นจากการอยู่บ้าน ดูแลเรื่องอาหาร ลองปรุงอาหารเอง จะได้คุมทั้งคุณภาพของอาหารให้ครบหมวดหมู่ และยังควบคุมน้ำตาลด้วย เลือกรับประทานข้าวกล้อง ข้าวไม่ขัดสีหรือขนมปังโฮลวีต ทานข้าวมื้อละประมาณทัพพีหรือทัพพีครึ่ง ระวังอย่ารับประทานจุกจิก 
  • ขยับ ออกกำลังกาย ในกรณีสำหรับคนทำงาน ต้อง Work from Home ถ้าต้องนั่งทำงานที่บ้านนานๆ ระหว่างวัน แนะนำให้ตั้งเวลาเพื่อให้ตัวเองลุกขึ้นมาเดิน ทุกๆ 1-2 ชั่วโมง เดินวนภายในบริเวณบ้านเราเอง หรือจะเลือกออกกำลังกายตามคลิปที่กำลังเป็นที่นิยมกันก็ได้ ปรับได้ตามความชอบได้เลยค่ะ”

 

“หากท่านสังเกตตัวเองว่าเริ่มมีอาการผิดปกติ เช่น หิวน้ำบ่อย ปัสสาวะบ่อย น้ำหนักลด หรือมีอาการที่กังวลว่าจะเป็นเบาหวาน โรงพยาบาลวิมุต พร้อมให้คำปรึกษา และดูแลโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านเบาหวาน ที่พร้อมให้คำแนะนำเรื่องเบาหวานทั้งกับผู้ที่มีความเสี่ยงเบาหวาน และผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานแล้ว ให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล มีการติดตามดูแลการรักษาอย่างต่อเนื่องร่วมกับทีมบุลคลากรที่มีประสบการณ์หลายสาขาวิชาชีพ การใช้อุปกรณ์และเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อใช้ในการให้บริการตรวจภาวะแทรกซ้อนเบาหวานที่ครบวงจร ทั้งเทคโนโลยีการตรวจตาด้วยการถ่ายภาพจอประสาทตา (Fundus Camera) การตรวจเส้นเลือดเลี้ยงปลายเท้าด้วยเครื่องมือเฉพาะ การตรวจความรู้สึกของเท้า การรักษาแผลที่เท้าด้วยเครื่อง hyperbaric chamber พร้อมทั้งบริการสปาเท้าดูแลทำความสะอาดเท้า และยังมีบริการด้านการดูแลอาหารของผู้ป่วยเบาหวานโดยนักกำหนดอาหารที่ได้รับการรับรอง มีทีมนักกายภาพ (Wellness Trainer) ให้คำแนะนำการออกกำลังกายที่เหมาะสำหรับแต่ละบุคคล”

 

ติดต่อสอบถามและปรึกษาปัญหาสุขภาพได้ที่

ศูนย์เบาหวาน ไทรอยด์ ต่อมไร้ท่อ และควบคุมน้ำหนัก ชั้น 9 รพ.วิมุต

โทร 02-079-0070 เวลาทำการ 07.00 -19.00 น.

หรือดาวน์โหลด ViMUT Application เพื่อนัดหมายแพทย์ หรือบริการปรึกษาหมอออนไลน์ได้

ด้วยความปรารถนาดี จากโรงพยาบาลวิมุต อีกระดับของการรักษาด้วยความใส่ใจ

 

ทุกปัญหาสุขภาพ ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางออนไลน์ ที่พร้อมดูแลคุณด้วยความใส่ใจ


เรื่องสุขภาพน่ารู้ที่เกี่ยวข้อง

Card Image
13 วิธีดูแลตนเองของผู้ป่วยเบาหวานในยุค COVID-19

เนื่องจากผู้ป่วยเบาหวานเป็นกลุ่มบุคคลที่ถือว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงในการติดเชื้อ covid-19 โดยโรคเบาหวานนั้นจะทำให้ติดเชื้อ covid -19 ได้ง่ายกว่าบุคคลทั่วไป และหากติดเชื้อแล้วจะมีผลทำให้เกิดพาวะแทรกซ้อนมากกว่าบุคคลทั่วไปที่ไม่ได้เป็นเบาหวาน

อ่านเพิ่มเติม
Card Image
เป็นเบาหวานตั้งครรภ์ได้ไหม ?

เพราะการสร้างครอบครัวคือหนึ่งในความฝันของผู้หญิงหลายๆ คน แต่สำหรับคนที่เป็นเบาหวานคงกังวลไม่น้อยว่าจะมีลูกได้ไหม ปลอดภัยหรือเปล่า เรามาฟังคำตอบกันที่นี่

อ่านเพิ่มเติม
Card Image
สายกินต้องระวัง โรคอันตรายจากไขมันที่ต้องรู้ !

สายกินต้องระวัง! อาหารไขมันสูง ของทอดแสนอร่อยที่แฝงไปด้วยโรคไขมันตัวร้าย มาดูความลับทั้งประโยชน์และโทษของไขมัน ที่บั่นทอนสุขภาพคุณจนอาจเป็นโรคร้ายแรงได้มากกว่าที่คิด

อ่านเพิ่มเติม
Card Image
3 สัญญาณที่บอกว่า คุณกำลังลดน้ำหนักผิดวิธี

เชื่อว่าหลายคนยังมีเป้าหมายในการลดน้ำหนัก แต่ปัญหาที่มักพบ คือ ลดน้ำหนักไม่สำเร็จสักที หรืออาจลดได้แค่ช่วงสั้นๆ แล้วกลับมาน้ำหนักเท่าเดิม ซึ่งสาเหตุอาจมาจากการลดน้ำหนักอย่างผิดวิธี

อ่านเพิ่มเติม