โรคถุงลมโป่งพอง ภัยเงียบจากมลพิษ ที่แม้ไม่สูบบุหรี่ก็ยังเสี่ยงสูง

ในยุคที่อากาศบริสุทธิ์กลายเป็นสิ่งที่หาได้ยาก มลพิษ ฝุ่นควัน และสารเคมีในสิ่งแวดล้อม ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเราโดยไม่ทันรู้ตัว และมีหนึ่งในภัยเงียบที่มักแฝงตัวมากับมลภาวะเหล่านี้อย่าง “โรคถุงลมโป่งพอง” โรคที่ใครหลายคนอาจคิดว่าเกิดจากการสูบบุหรี่เพียงเท่านั้น แต่แท้จริงแล้ว โรคถุงลมโป่งพองสามารถเกิดขึ้นได้จากหลากหลายปัจจัย ตั้งแต่ฝุ่นละอองเล็กๆ ในอากาศ ไปจนถึงความผิดปกติทางพันธุกรรม
บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักโรคถุงลมโป่งพองแบบเจาะลึก เพื่อทำความเข้าใจถึงอาการ สาเหตุ และปัจจัยเสี่ยงของโรค ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันและดูแลสุขภาพปอดให้แข็งแรงในระยะยาว
รู้จัก โรคถุงลมโป่งพอง คืออะไร ?
ภายในปอดของมนุษย์มีถุงลมขนาดเล็ก (alveoli) จำนวนมากถึงประมาณ 300–500 ล้านถุง ถุงลมเหล่านี้ทำหน้าที่สำคัญในการแลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ เมื่อหายใจเข้า ถุงลมจะขยายตัวเพื่อรับออกซิเจนเข้าสู่กระแสเลือด และเมื่อหายใจออก ถุงลมจะหดตัวเพื่อขับคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากร่างกาย หากถุงลมเกิดความผิดปกติหรือถูกทำลาย การทำงานของระบบทางเดินหายใจก็จะเสียสมดุล จนนำไปสู่โรคที่เรียกว่า ‘ถุงลมโป่งพอง’
โรคถุงลมโป่งพอง (Emphysema) จัดอยู่ในกลุ่มโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หรือ COPD (Chronic Obstructive Pulmonary Disease) สาเหตุหลักของโรคนี้คือการที่ถุงลมภายในปอดสูญเสียความยืดหยุ่น หรือถูกทำลายจนผนังบางส่วนขาดหาย ส่งผลให้พื้นที่สำหรับแลกเปลี่ยนก๊าซลดลงอย่างมาก ปอดจึงไม่สามารถรับออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายได้เต็มประสิทธิภาพ และไม่สามารถขับคาร์บอนไดออกไซด์ได้ดีเท่าที่ควร ทำให้ผู้ป่วยเริ่มมีอาการหายใจไม่สะดวก โดยเฉพาะเมื่อออกแรงหรือทำกิจกรรมที่ใช้พลังงาน

โรคถุงลมโป่งพองเกิดจากอะไร ? โรคที่ทุกคนเป็นได้…แม้ไม่สูบบุหรี่
แม้ว่าการสูบบุหรี่จะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ถุงลมในปอดถูกทำลาย แต่ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่สามารถนำไปสู่โรคถุงลมโป่งพองได้เช่นกัน ดังนี้
- มลพิษทางอากาศ ฝุ่นละอองขนาดเล็ก เช่น PM 2.5 และก๊าซพิษจากการเผาไหม้เครื่องยนต์ สามารถเข้าไปในปอดและทำลายเนื้อเยื่อของถุงลมได้ เมื่อสะสมเป็นเวลานานจะเร่งให้ปอดเสื่อมลงเร็วกว่าปกติ
- ควันไฟ หรือควันจากการทำอาหาร การสูดดมควันจากการเผาไหม้ เช่น ควันไฟป่า ควันธูป หรือควันจากการทำอาหารในพื้นที่อากาศไม่ถ่ายเท หากได้รับในปริมาณมากหรือเป็นระยะเวลานาน ก็สามารถทำลายปอดได้เช่นกัน
- ฝุ่นในที่ทำงาน ผู้ที่ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม ก่อสร้าง หรือในพื้นที่ที่มีฝุ่นละออง สารเคมี ควันจากโลหะ โดยไม่มีอุปกรณ์ป้องกันที่เหมาะสม ก็มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดโรคปอดเรื้อรัง รวมถึงโรคถุงลมโป่งพอง
- ภาวะขาดอัลฟ่า-1 แอนตี้ไทรปซิน (Alpha-1 Antitrypsin Deficiency) เป็นภาวะทางพันธุกรรมที่ทำให้ร่างกายขาดเอนไซม์ชนิดหนึ่งที่ช่วยปกป้องถุงลมจากการถูกทำลาย ผู้ที่มีภาวะนี้มีแนวโน้มจะเกิดโรคถุงลมโป่งพองตั้งแต่อายุน้อย แม้ไม่เคยสูบบุหรี่หรือสัมผัสสารพิษใดๆ
ผู้ป่วยโรคถุงลมโป่งพอง มีอาการอย่างไร ?
โรคถุงลมโป่งพองมักเริ่มต้นจากอาการเล็กน้อยที่หลายคนมองข้าม หรือเข้าใจผิดว่าเป็นเพียงอาการเหนื่อยธรรมดา แต่หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่เข้ารับการตรวจและรักษา อาการเหล่านี้อาจลุกลามและส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตอย่างรุนแรง โดยอาการที่พบบ่อยในผู้ป่วยโรคถุงลมโป่งพอง ได้แก่
- เหนื่อยง่าย หายใจลำบาก รู้สึกเหนื่อยแม้ทำกิจกรรมเบาๆ เช่น เดินขึ้นบันได หรือทำงานบ้าน ซึ่งอาการจะเด่นชัดมากขึ้นเมื่อตัวโรคดำเนินไปในระยะที่รุนแรงขึ้น
- ไอเรื้อรัง มีเสมหะ โดยเฉพาะในช่วงเช้า เนื่องจากเกิดการระคายเคืองในหลอดลมและการสะสมของสารพิษในทางเดินหายใจ ซึ่งเป็นสัญญาณเริ่มต้นของการอักเสบเรื้อรัง
- แน่นหน้าอก รู้สึกอึดอัดหรือเจ็บแน่นเวลาหายใจลึกๆ หรือรู้สึกเหมือนมีแรงกดทับบริเวณหน้าอก
- น้ำหนักลด ในบางรายอาจน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากร่างกายต้องใช้พลังงานมากกว่าปกติในการหายใจ โดยเฉพาะในระยะที่โรคเริ่มส่งผลกระทบต่อการทำงานของปอดอย่างชัดเจน
- หายใจมีเสียงวี้ด ได้ยินเสียงวี้ด เสียงหวีดในลำคอหรือหน้าอกขณะหายใจ ซึ่งเกิดจากการตีบแคบของทางเดินหายใจ
โรคถุงลมโป่งพอง มีอาการกี่ระยะ ?
โรคถุงลมโป่งพองมีการแบ่งระยะของโรคออกเป็น 4 ระยะหลัก ซึ่งช่วยให้แพทย์สามารถประเมินความรุนแรงและวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม โดยในแต่ละระยะมีลักษณะอาการที่แตกต่างกัน ดังนี้
- ระยะเริ่มต้น (Mild) เป็นระยะที่สมรรถภาพของปอดเริ่มลดลงเล็กน้อย แต่ยังไม่มีอาการที่ชัดเจน ในผู้ป่วยบางคนอาจมีอาการไอเป็นครั้งคราวหรือเหนื่อยง่ายเวลาออกแรง แต่ยังไม่รู้สึกผิดปกติในการใช้ชีวิตประจำวัน
- ระยะปานกลาง (Moderate) ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการหายใจลำบากหรือเหนื่อยเวลาออกกำลังกาย เช่น ขึ้นบันไดหรือเดินเร็ว ในบางคนอาจมีอาการไอเรื้อรังและมีเสมหะ
- ระยะรุนแรง (Severe) ผู้ป่วยมีอาการหอบเหนื่อยรุนแรงมากขึ้น อาจรู้สึกเหนื่อยแม้ไม่ได้ทำกิจกรรมหนัก และเริ่มมีข้อจำกัดในการใช้ชีวิต เช่น ไม่สามารถเดินไกลหรือทำงานบ้านได้ตามปกติ
- ระยะวิกฤติ (Very Severe) สมรรถภาพของปอดลดลงขั้นวิกฤติ ผู้ป่วยจำเป็นต้องใช้ออกซิเจนเสริมตลอดเวลา อาจมีภาวะแทรกซ้อน เช่น ภาวะพร่องออกซิเจนเรื้อรัง หรือหัวใจล้มเหลว ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและความสามารถในการดูแลตนเองอย่างมาก

การวินิจฉัยโรคถุงลมโป่งพอง
โรคถุงลมโป่งพองเป็นโรคเรื้อรังที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ ซึ่งสามารถส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อคุณภาพชีวิต ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงหรือเริ่มมีอาการผิดปกติของระบบทางเดินหายใจ จึงควรเข้ารับการตรวจวินิจฉัยโดยเร็ว เพื่อประเมินความผิดปกติและเริ่มต้นการรักษาได้ทันท่วงที การวินิจฉัยโรคถุงลมโป่งพองโดยแพทย์มักประกอบด้วยขั้นตอนสำคัญ ดังนี้
- การตรวจสมรรถภาพปอด (Pulmonary Function Test) เป็นการวัดปริมาณลมหายใจเข้า - ออก และความสามารถของปอดในการแลกเปลี่ยนก๊าซ เพื่อประเมินประสิทธิภาพการทำงานของปอดอย่างละเอียด
- การเอกซเรย์ปอดหรือการตรวจด้วยเครื่อง CT scan เพื่อดูภาพโครงสร้างของปอด ตรวจหาความผิดปกติ เช่น การโป่งพองของถุงลม หรือความเสียหายของเนื้อเยื่อปอด
แนวทางการรักษาโรคถุงลมโป่งพอง
แนวทางการรักษาโรคถุงลมโป่งพองมีเป้าหมายหลักเพื่อบรรเทาอาการ ชะลอการดำเนินของโรค และช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น การได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมจึงช่วยควบคุมอาการและลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนได้ โดยแนวทางการรักษาหลัก มีดังนี้
- การใช้ยา เป็นวิธีหลักในการควบคุมอาการของโรค ยาที่ใช้ได้แก่ ยาพ่นขยายหลอดลมเพื่อช่วยให้หายใจสะดวกขึ้น ยาลดการอักเสบเพื่อลดอาการอักเสบในหลอดลม และในกรณีที่มีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย อาจพิจารณาใช้ยาปฏิชีวนะร่วมด้วย
- การฟื้นฟูสมรรถภาพปอด เป็นการออกกำลังกายเฉพาะทางร่วมกับการฝึกการหายใจ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่ใช้ในการหายใจ และเพิ่มประสิทธิภาพในการแลกเปลี่ยนออกซิเจนในร่างกาย
- การใช้ออกซิเจนเสริม สำหรับผู้ป่วยระยะรุนแรงที่มีภาวะพร่องออกซิเจน อาจจำเป็นต้องใช้ออกซิเจนจากถังออกซิเจนหรือเครื่องผลิตออกซิเจนไฟฟ้า เพื่อช่วยให้ระดับออกซิเจนในเลือดกลับมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ
- การผ่าตัดหรือปลูกถ่ายปอด ในกรณีที่การรักษาอื่นไม่ได้ผล และผู้ป่วยอยู่ในระยะสุดท้ายของโรค แพทย์อาจพิจารณาการผ่าตัดลดขนาดถุงลมโป่งพอง หรือการปลูกถ่ายปอดเป็นทางเลือกสุดท้าย

ลดเสี่ยงถุงลมโป่งพอง เริ่มต้นได้ที่การดูแลตัวเอง
แม้บางปัจจัยเสี่ยงของโรคถุงลมโป่งพองจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เช่น พันธุกรรมหรืออายุที่มากขึ้น แต่อีกหลายปัจจัยสามารถควบคุมได้ผ่านการปรับพฤติกรรมและดูแลสิ่งแวดล้อมรอบตัว ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีแนวทางในการป้องกันเบื้องต้น อาทิเช่น
1. หลีกเลี่ยงมลพิษทางอากาศ หลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่ที่มีฝุ่น ควัน หรือมลพิษทางอากาศสูง หากจำเป็นต้องอยู่ในพื้นที่เหล่านี้ควรสวมหน้ากาก N95 และหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งในวันที่ค่าฝุ่น PM2.5 สูง
2. ปรับสภาพแวดล้อมภายในบ้าน โดยอาจใช้เครื่องฟอกอากาศที่มีประสิทธิภาพในการกรองฝุ่นละอองขนาดเล็ก และหมั่นทำความสะอาดบ้านโดยเฉพาะบริเวณที่เกิดฝุ่นง่าย โดยเฉพาะในห้องครัวที่มักเกิดควันจากการประกอบอาหาร
3. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ การออกกำลังกาย เช่น การเดินเร็ว ว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยาน ช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับปอด กล้ามเนื้อหายใจ และระบบไหลเวียนโลหิต โดยควรเลือกวิธีที่เหมาะสมกับสภาพร่างกาย
4. ตรวจสุขภาพประจำปี โดยเฉพาะผู้ที่เคยสัมผัสควัน ฝุ่น หรือเคยสูบบุหรี่ ควรเข้ารับการตรวจสมรรถภาพปอดหรือเอกซเรย์ตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อค้นหาความผิดปกติตั้งแต่ระยะเริ่มต้น
5. งดสูบบุหรี่และหลีกเลี่ยงควันบุหรี่ทุกชนิด ไม่เพียงแค่บุหรี่ธรรมดาเท่านั้น แม้แต่บุหรี่ไฟฟ้าก็ยังมีสารระคายเคืองที่สามารถทำลายถุงลมปอดได้ การหลีกเลี่ยงควันบุหรี่ทั้งทางตรงและทางอ้อมจึงเป็นวิธีป้องกันที่สำคัญที่สุด
โรคถุงลมโป่งพองอาจดูเหมือนเป็นเรื่องไกลตัว โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ แต่ในความเป็นจริง มลพิษทางอากาศ สารเคมี และปัจจัยต่างๆ รอบตัวในชีวิตประจำวัน ล้วนมีบทบาทในการทำลายสุขภาพปอดของเราโดยไม่รู้ตัว การหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพปอดอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นการหลีกเลี่ยงมลภาวะ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ หรือเข้ารับการตรวจสุขภาพเป็นประจำ จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลย เพราะการได้หายใจอย่างเต็มปอดเป็นพื้นฐานของการมีชีวิตที่มีคุณภาพอย่างแท้จริง
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและนัดหมายแพทย์ได้ที่
ศูนย์อายุรกรรม ชั้น 3 โรงพยาบาลวิมุต
เวลาทำการ 08.00 - 24.00 น. โทร. 0-2079-0030
หรือดาวน์โหลด ViMUT Application เพื่อนัดหมายแพทย์ หรือบริการปรึกษาหมอออนไลน์
ทุกปัญหาสุขภาพ ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางออนไลน์ ที่พร้อมดูแลคุณด้วยความใส่ใจ
แนะนำแพทย์ที่เกี่ยวข้อง
เรื่องสุขภาพน่ารู้ที่เกี่ยวข้อง

หายป่วยลองโควิดได้ หายขาดด้วยโปรแกรมตรวจสุขภาพหลังเป็นโควิด
โควิดที่ว่าน่ากลัว ยังไม่เท่าลองโควิด มาตรวจเช็กปอดและร่างกายให้เท่าทันโรค กับโปรแกรมตรวจสุขภาพหลังเป็นโควิด เพื่อการฟื้นฟูและการดูแลตัวเองได้อย่างรวดเร็ว

รวมสารพัดเมนูอาหาร เพื่อสุขภาพผู้สูงอายุ
รวมสารพัดเมนูอาหารเพื่อผู้สูงอายุ ควรกินอะไรดี ใครนึกไม่ออก เรารวมให้แล้วที่นี่ กับเมนูอาหารและโภชนาการเพื่อผู้สูงอายุ ที่ช่วยดูแลสุขภาพและบำรุงร่างกายให้แข็งแรงอย่างยั่งยืน

รู้หรือไม่… วัคซีนปอดอักเสบจำเป็นแค่ไหนในผู้สูงอายุ
วัคซีนปอดอักเสบในผู้สูงอายุ จำเป็นต้องฉีดไหม ฉีดแล้วช่วยป้องกันโรคปอดอักเสบได้จริงหรือไม่ มาดูคำตอบได้ที่นี่ว่าทำไมผู้สูงอายุถึงควรฉีดวัคซีนนี้กัน พร้อมแพ็กเกจวัคซีนราคาพิเศษ

6 วัคซีนสำหรับผู้สูงอายุ ที่แนะนำให้ลูกหลานพาไปฉีด
เปิดคำแนะนำการฉีดวัคซีนผู้สูงอายุ วัคซีนอะไรบ้างที่ควรฉีดอัปเดตข้อมูลปี 2566 เพื่อลดอัตราเสี่ยงการเสียชีวิตและบรรเทาอาการหนักให้เบาลง กับ 6 วัคซีนนี้เลยที่เรารวมข้อมูลมาให้แล้ว

หายป่วยลองโควิดได้ หายขาดด้วยโปรแกรมตรวจสุขภาพหลังเป็นโควิด
โควิดที่ว่าน่ากลัว ยังไม่เท่าลองโควิด มาตรวจเช็กปอดและร่างกายให้เท่าทันโรค กับโปรแกรมตรวจสุขภาพหลังเป็นโควิด เพื่อการฟื้นฟูและการดูแลตัวเองได้อย่างรวดเร็ว

รวมสารพัดเมนูอาหาร เพื่อสุขภาพผู้สูงอายุ
รวมสารพัดเมนูอาหารเพื่อผู้สูงอายุ ควรกินอะไรดี ใครนึกไม่ออก เรารวมให้แล้วที่นี่ กับเมนูอาหารและโภชนาการเพื่อผู้สูงอายุ ที่ช่วยดูแลสุขภาพและบำรุงร่างกายให้แข็งแรงอย่างยั่งยืน

รู้หรือไม่… วัคซีนปอดอักเสบจำเป็นแค่ไหนในผู้สูงอายุ
วัคซีนปอดอักเสบในผู้สูงอายุ จำเป็นต้องฉีดไหม ฉีดแล้วช่วยป้องกันโรคปอดอักเสบได้จริงหรือไม่ มาดูคำตอบได้ที่นี่ว่าทำไมผู้สูงอายุถึงควรฉีดวัคซีนนี้กัน พร้อมแพ็กเกจวัคซีนราคาพิเศษ

6 วัคซีนสำหรับผู้สูงอายุ ที่แนะนำให้ลูกหลานพาไปฉีด
เปิดคำแนะนำการฉีดวัคซีนผู้สูงอายุ วัคซีนอะไรบ้างที่ควรฉีดอัปเดตข้อมูลปี 2566 เพื่อลดอัตราเสี่ยงการเสียชีวิตและบรรเทาอาการหนักให้เบาลง กับ 6 วัคซีนนี้เลยที่เรารวมข้อมูลมาให้แล้ว

รู้หรือไม่… วัคซีนปอดอักเสบจำเป็นแค่ไหนในผู้สูงอายุ
วัคซีนปอดอักเสบในผู้สูงอายุ จำเป็นต้องฉีดไหม ฉีดแล้วช่วยป้องกันโรคปอดอักเสบได้จริงหรือไม่ มาดูคำตอบได้ที่นี่ว่าทำไมผู้สูงอายุถึงควรฉีดวัคซีนนี้กัน พร้อมแพ็กเกจวัคซีนราคาพิเศษ

6 วัคซีนสำหรับผู้สูงอายุ ที่แนะนำให้ลูกหลานพาไปฉีด
เปิดคำแนะนำการฉีดวัคซีนผู้สูงอายุ วัคซีนอะไรบ้างที่ควรฉีดอัปเดตข้อมูลปี 2566 เพื่อลดอัตราเสี่ยงการเสียชีวิตและบรรเทาอาการหนักให้เบาลง กับ 6 วัคซีนนี้เลยที่เรารวมข้อมูลมาให้แล้ว

หายป่วยลองโควิดได้ หายขาดด้วยโปรแกรมตรวจสุขภาพหลังเป็นโควิด
โควิดที่ว่าน่ากลัว ยังไม่เท่าลองโควิด มาตรวจเช็กปอดและร่างกายให้เท่าทันโรค กับโปรแกรมตรวจสุขภาพหลังเป็นโควิด เพื่อการฟื้นฟูและการดูแลตัวเองได้อย่างรวดเร็ว

รวมสารพัดเมนูอาหาร เพื่อสุขภาพผู้สูงอายุ
รวมสารพัดเมนูอาหารเพื่อผู้สูงอายุ ควรกินอะไรดี ใครนึกไม่ออก เรารวมให้แล้วที่นี่ กับเมนูอาหารและโภชนาการเพื่อผู้สูงอายุ ที่ช่วยดูแลสุขภาพและบำรุงร่างกายให้แข็งแรงอย่างยั่งยืน