รู้จัก Ice Bathing ตัวช่วยเร่งฟื้นฟู ลดปวดกล้ามเนื้อ - โรงพยาบาลวิมุต

29 เม.ย. 68  | ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู
แชร์บทความ      

นาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก "Ice Bathing" หรือ "การแช่น้ำแข็ง" เทรนด์สุขภาพสุดฮิตที่เหล่านักกีฬา หรือแม้กระทั่งคนรักสุขภาพต่างหันมาให้ความสนใจ ด้วยสรรพคุณที่ว่ากันว่าช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อ ลดอาการปวดเมื่อย เพิ่มความสดชื่น กระปรี้กระเปร่า สำหรับใครที่กำลังสนใจ Ice Bathing หรือกำลังหาคำตอบว่าการแช่น้ำแข็งนั้นจริงๆ แล้วมีประโยชน์อย่างไร มีวิธีการทำอย่างไรและมีข้อควรระวังอะไรบ้าง ? บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ Ice Bathing แบบเจาะลึกพร้อมแนะนำวิธีการแช่ที่ถูกต้อง ปลอดภัยและได้ประโยชน์สูงสุดกัน

Ice Bathing คืออะไร ?

Ice Bathing คือ การแช่ตัวในน้ำเย็นจัดที่มีอุณหภูมิประมาณ 10-15 องศาเซลเซียส เป็นเวลาสั้นๆ โดยทั่วไปมักจะแช่กันที่ประมาณ 5-15 นาที ซึ่งความเย็นระดับนี้จะกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการตอบสนองต่างๆ เพื่อฟื้นฟูการไหลเวียนโลหิต ระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ซึ่งจริงๆ แล้วการใช้ความเย็นในการบำบัดรักษา (Cold Therapy) นั้นมีประวัติมาอย่างยาวนานตั้งแต่ในสมัยโรมันโบราณ จนถึงปัจจุบัน Ice Bathing ได้กลายเป็นวิธีฟื้นฟูร่างกายที่ได้รับความนิยมอย่างมากหลังออกกำลังกายและดูแลสุขภาพองค์รวมนั่นเอง

โดยหลักการของการบำบัดด้วยความเย็น อย่าง Ice Bathing นั้นคือ เมื่อร่างกายสัมผัสกับความเย็นจัดหลอดเลือดจะหดตัว ทำให้การไหลเวียนโลหิตช้าลง ซึ่งช่วยลดการอักเสบและอาการบวม นอกจากนี้ ความเย็นยังกระตุ้นระบบประสาท ทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนต่างๆ เช่น นอร์เอพิเนฟริน (Norepinephrine) และเอ็นดอร์ฟิน (Endorphins) ซึ่งมีส่วนช่วยในการลดความเจ็บปวด เพิ่มความตื่นตัวและทำให้รู้สึกสดชื่น

วิธีการทำ Ice Bathing หรือการแช่น้ำแข็งที่ถูกต้องและปลอดภัย

  1. เตรียมอุปกรณ์ อ่างอาบน้ำ น้ำแข็ง และเทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมิน้ำ
  2. เติมน้ำเย็นลงในอ่าง ค่อยๆ เติมน้ำแข็งลงไปจนได้อุณหภูมิที่ต้องการ (ประมาณ 10-15 องศาเซลเซียส)
  3. ค่อยๆ หย่อนตัวลงในอ่าง เริ่มจากปลายเท้า ขา ลำตัว จนถึงระดับหน้าอก (ไม่ควรแช่ถึงคอ)
  4. จับเวลา เริ่มต้นที่ 1-2 นาที แล้วค่อยๆ เพิ่มระยะเวลาขึ้นในครั้งต่อๆ ไป *ไม่ควรแช่นานเกิน 15 นาที
  5. ขึ้นจากอ่าง เช็ดตัวให้แห้ง สวมเสื้อผ้าที่อบอุ่น และอาจจิบเครื่องดื่มอุ่นๆ เพื่อปรับอุณหภูมิร่างกาย

การทำ Ice Bathing หรือการแช่น้ำแข็งช่วยอะไร หรือมีประโยชน์อย่างไรบ้าง ?

  • ฟื้นฟูกล้ามเนื้อ ลดอาการปวดเมื่อยหลังออกกำลังกาย
  • ลดการอักเสบของกล้ามเนื้อ ข้อต่อและเนื้อเยื่อต่างๆ
  • เพิ่มการเผาผลาญพลังงานและแคลอรี่ได้
  • ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย นอนหลับได้สนิทขึ้น
  • กระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนเอ็นดอร์ฟิน ทำให้รู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่าและลดความเครียด

Ice Bathing เหมาะกับใคร มีข้อควรระวังอะไรบ้างและใครบ้างที่ไม่ควรทำ ?

แม้ Ice Bathing จะมีประโยชน์ที่น่าสนใจมากมาย แต่การทำ Ice Bathing ก็ยังเหมาะกับกลุ่มคนบางกลุ่ม ดังนี้

  • ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกาย 
  • ผู้ที่ต้องการบรรเทาความเครียด กระตุ้นให้ร่างกายสดชื่น กระปรี้กระเปร่า  
  • ผู้ที่ต้องการเพิ่มความตื่นตัวและสมาธิ 

แม้จะไม่ใช่ทุกคนที่เหมาะกับการแช่น้ำแข็ง เพราะด้วยหลักการทำงานด้วยการใช้ความเย็นในการบำบัด จึงมีข้อควรระวังและไม่ควรทำในกลุ่มคนเหล่านี้

  • ผู้ที่มีโรคประจำตัว โดยเฉพาะโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด และโรคหอบหืด ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำ Ice Bathing อย่างเคร่งครัด
  • ผู้ที่มีภาวะโรคเลือด หรือโรคของหลอดเลือดส่วนปลาย
  • ผู้ป่วยที่มีภาวะติดเชื้อ หรือ มีไข้
  • ผู้ที่มีภาวะไวต่อความเย็น (cold sensitivity)
  • สตรีมีครรภ์ 
  • ผู้ที่มีบาดแผลเปิด 
  • ผู้ที่อยู่ในอาการมึนเมา  หรือไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
  • ไม่ควรแช่น้ำแข็งคนเดียว ควรมีเพื่อนหรือคนในครอบครัวอยู่ด้วยเพื่อความปลอดภัย
  • ไม่ควรแช่น้ำเย็นจัดทันทีหลังออกกำลังกายอย่างหนัก ควรรอให้ร่างกายเย็นลงก่อน
  • เริ่มต้นด้วยระยะเวลาสั้นๆ เพียง 1-2 นาที แล้วค่อยๆ เพิ่มระยะเวลาขึ้นเมื่อร่างกายเริ่มปรับตัวได้ สูงสุดไม่ควรเกิน 15 นาที
  • ฟังเสียงร่างกายตัวเองอยู่เสมอ หากรู้สึกไม่สบาย หนาวสั่น หายใจลำบาก เจ็บ ชา หรือมีอาการผิดปกติอื่นๆ ให้รีบขึ้นจากน้ำทันทีและปรึกษาแพทย์หากจำเป็น
  • ห้ามฝืน หากรู้สึกร่างกายไม่ไหว รู้สึกหนาวจนทนไม่ไหว ให้รีบขึ้นจากน้ำทันที

 

  • ผิวหนังถูกทำลายจากความเย็นจัด (Cold Burn) หากแช่น้ำเย็นจัดหรือนานเกินไป อาจทำให้เกิดอาการชา แดง บวม รู้สึกแสบร้อน หรือเป็นแผลพุพอง คล้ายกับแผลไฟไหม้
  • ภาวะตัวเย็นเกิน (Hypothermia) หากแช่นานเกินไป หรืออุณหภูมิน้ำเย็นเกินไปจนอุณหภูมิร่างกายลดต่ำกว่า 35 องศาเซลเซียส ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ อาการที่พบได้ เช่น หนาวสั่น พูดไม่ชัด สับสน ง่วงซึม หายใจช้า หัวใจเต้นช้า
  • หัวใจเต้นผิดจังหวะ ความเย็นจัดอาจกระตุ้นให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ โดยเฉพาะในผู้ที่มีโรคหัวใจอยู่เดิม
  • ความดันโลหิตเปลี่ยนแปลง การแช่น้ำเย็นอาจทำให้ความดันโลหิตเพิ่มสูงขึ้นหรือต่ำลงอย่างฉับพลัน
  • กล้ามเนื้อหดเกร็ง ความเย็นอาจทำให้กล้ามเนื้อหดเกร็งและอาจทำให้เป็นตะคริวได้
  • อาการช็อกจากการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างรวดเร็ว อาจทำให้หน้ามืด หมดสติ
  • ผิวหนังระคายเคือง หรือปฏิกิริยาการแพ้ความเย็น (Cold Urticaria) เป็นผลข้างเคียงที่พบได้น้อยแต่อาจเกิดขึ้นได้ในบางคน โดยจะมีอาการผื่นคัน บวมแดง หลังจากสัมผัสกับความเย็น
  • การติดเชื้อ ในกรณีที่น้ำไม่สะอาด หรือมีบาดแผลเปิด
  • เพิ่มความเสี่ยงของภาวะเรอนอตฟีโนมินอล (Raynaud's phenomenon) ที่ทำให้มีอาการผิวหนังซีดขาว หรืออาจกลายเป็นสีม่วง หรือไร้ความรู้สึก เนื่องจากหลอดเลือดหดตัวมากเกินไป มักเกิดขึ้นได้ง่ายที่นิ้วมือและนิ้วเท้า
  • อาจกระตุ้นให้เกิดอาการกำเริบในผู้ป่วยโรคข้ออักเสบบางชนิด เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์

จากเทรนด์ฮิตติดกระแส "Ice Bathing" ที่เราได้เจาะลึกกันไป จะเห็นได้ว่าการแช่น้ำแข็งนั้นมีประโยชน์มากมาย ทั้งช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อ ลดปวดเมื่อย เติมความสดชื่น และอาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจให้กับคนที่รักสุขภาพและต้องการหาวิธีการดูแลร่างกายที่ต่างออกไป ทั้งนี้ ก่อนการทำ Ice Bathing ควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด ปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด และอย่าลืมปรึกษาแพทย์หากคุณมีโรคประจำตัวหรือข้อสงสัยใดๆ เพื่อให้การแช่น้ำแข็งครั้งนี้เป็นประสบการณ์ที่มอบผลลัพธ์เพื่อสุขภาพที่ดีให้คุณได้อย่างปลอดภัย

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและนัดหมายแพทย์ได้ที่
ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู ชั้น 10 โรงพยาบาลวิมุต 

เวลาทำการ 08:00 - 20:00  น. โทร. 0-2079-0024

ทุกปัญหาสุขภาพ ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางออนไลน์ ที่พร้อมดูแลคุณด้วยความใส่ใจ

 


แนะนำแพทย์ที่เกี่ยวข้อง

Card Image
พญ.พิชชาพร
เมฆินทรพันธุ์
เวชศาสตร์ฟื้นฟู
แพทย์ผู้ชำนาญการด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟู

เรื่องสุขภาพน่ารู้ที่เกี่ยวข้อง

Card Image
ได้เวลา Back to Office พร้อม 7 วิธีเลี่ยงอาการ Office Syndrome

ได้เวลา Back to Office พร้อม 7 วิธีเลี่ยงอาการ Office Syndrome เพราะพฤติกรรมต่างๆ ในการทำงาน อาจทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกายในระยะยาวได้ 

อ่านเพิ่มเติม
Card Image
มารู้จัก “การฟื้นฟูทางระบบประสาทและสมอง (Neuro-Rehabilitation)” กันเถอะ...

การฟื้นฟูทางระบบประสาทและสมองคือกระบวนการกระตุ้นร่างกายและสมอง โดยผ่านการฝึกกิจกรรมและการเคลื่อนไหวร่างกายในรูปแบบต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสั่งการควบคุมการเคลื่อนไหว ความคิด ความจำและการสื่อสาร

อ่านเพิ่มเติม
Card Image
9 ท่าบริหารแก้ออฟฟิศซินโดรม ลดอาการปวดคอ บ่า ไหล่

รักษาออฟฟิศซินโดรม ปวดคอ บ่า ไหล่เบื้องต้นด้วยตัวเองแบบไม่ง้อหมอนวดให้เสี่ยง กับ 9 ท่าบริหารแก้ออฟฟิศซินโดรมทำเองได้ที่บ้าน ปลอดภัย จากแพทย์เฉพาะทางศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู

อ่านเพิ่มเติม
Card Image
บอกลาอาการออฟฟิศซินโดรมให้ดีขึ้นได้ด้วย 7 วิธีนี้

ปวดบ่า คอ ไหล่ จากอาการออฟฟิศซินโดรม สามารถดีขึ้นได้ด้วยทางเลือกการรักษาออฟฟิศซินโดรม 7 วิธีนี้ที่ผู้เชี่ยวชาญเวชศาสตร์การฟื้นฟูแนะนำ

อ่านเพิ่มเติม