หูดข้าวสุก โรคผิวหนังติดเชื้อจากไวรัส ที่เด็กและผู้ใหญ่ต้องระวัง!

30 มิ.ย. 68  | ศูนย์ผิวหนังและความงาม
แชร์บทความ      

สำหรับคุณพ่อคุณแม่อาจเคยสังเกตเห็นตุ่มสีเหลือง หรือ สีแดงเล็กๆ คล้ายสิวข้าวสารขึ้นตามผิวหนังของลูกหลาน หรือผู้ใหญ่อย่างเราเองก็อาจพบตุ่มลักษณะคล้ายกันนี้ได้เช่นกัน ซึ่งนั่นอาจเป็นสัญญาณของ ‘หูดข้าวสุก’ โรคติดต่อทางผิวหนังที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง แม้โดยทั่วไปจะไม่เป็นอันตรายร้ายแรง แต่ก็สามารถสร้างความรำคาญใจ น่ากังวลเรื่องความสวยงาม และอาจมีการติดเชื้อแทรกซ้อนได้ ซึ่งบทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับโรคหูดข้าวสุกว่าคืออะไร ลักษณะอาการเป็นอย่างไร สาเหตุที่ทำให้ติดเชื้อ วิธีการรักษาและแนวทางการป้องกันเพื่อคุณและคนที่คุณรักห่างไกลจากหูดชนิดนี้กัน

หูดข้าวสุก คืออะไร เกิดจากอะไร ?

หูดข้าวสุก (Molluscum Contagiosum) เป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่งที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสมอลลัสคุม คอนทาจิโอซุม (Molluscum Contagiosum Virus - MCV) ซึ่งเป็นไวรัสในกลุ่ม Poxvirus ที่ทำให้เกิดตุ่มนูนแข็งขนาดเล็กขึ้นบนผิวหนัง ตั้งแต่ตุ่มเดี่ยว หรือเป็นกลุ่มหลายตุ่ม ซึ่งอาจส่งผลต่อความสวยงาม สร้างความกังวลใจ และลดทอนความมั่นใจของผู้ที่ติดเชื้อได้

  • ในเด็ก: โรคนี้พบได้บ่อยในเด็กเล็กและเด็กวัยเรียน เนื่องจากมีการสัมผัสใกล้ชิดกันระหว่างเล่น หรือใช้สิ่งของร่วมกัน ทำให้เด็กๆ เสี่ยงติดง่าย
  • ในผู้ใหญ่: แม้จะพบได้น้อยกว่าในเด็กแต่ก็สามารถเกิดขึ้นได้ โดยในผู้ใหญ่มักติดต่อกันผ่านทางการมีเพศสัมพันธ์ หรือการสัมผัสผิวหนังที่ติดเชื้ออย่างใกล้ชิด เช่น ผู้ที่ใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกัน ผ้าขนหนู หรือชุดออกกำลังกาย

เชื้อหูดข้าวสุกมาจากไหน? ติดต่อได้อย่างไร?

เชื้อไวรัส MCV ที่ก่อให้เกิดหูดข้าวสุก จะอาศัยอยู่ในตุ่มหูดบนผิวหนังของผู้ที่ติดเชื้อเป็นหลัก การติดต่อเกิดขึ้นได้หลายทาง ดังนี้

  1. การสัมผัสโดยตรงกับผิวหนังของผู้ติดเชื้อ
    • เป็นการติดต่อที่พบบ่อยที่สุด โดยเฉพาะการสัมผัสกับตุ่มหูดข้าวสุกโดยตรง
    • ในเด็กช่วงวัยเรียนที่ต้องไปโรงเรียน หรือสนามเด็กเล่น การเล่นคลุกคลีกัน จับมือ หรือการกอดก็เสี่ยงติดเชื้อจากผิวหนังโดยตรงได้
    • ในผู้ใหญ่ การมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีตุ่มหูดข้าวสุกบริเวณอวัยวะเพศ ท้องน้อย หรือต้นขาด้านใน เสี่ยงต่อการติดหูดข้าวสุกมากที่สุด
  2. การสัมผัสสิ่งของเครื่องใช้ที่ปนเปื้อนเชื้อ
    • เชื้อไวรัสสามารถอยู่บนพื้นผิวของสิ่งของได้ระยะหนึ่ง หากไปสัมผัสสิ่งของเหล่านั้นแล้วมาจับผิวหนังก็มีโอกาสติดเชื้อได้ ตัวอย่างเช่น ผ้าขนหนู เสื้อผ้า เครื่องนอน ของเล่น อุปกรณ์กีฬา อุปกรณ์ในสระว่ายน้ำ (เช่น โฟมว่ายน้ำ ขอบสระ) หรืออุปกรณ์ในโรงยิมส่วนรวม
  3. การแพร่เชื้อไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกายตัวเอง
    • การแกะ เกา หรือสัมผัสตุ่มหูดข้าวสุกบนร่างกายตัวเอง แล้วไปสัมผัสผิวหนังส่วนอื่นที่ยังไม่มีเชื้อ อาจทำให้เชื้อแพร่กระจายไปยังบริเวณอื่น รวมถึงผู้อื่นได้อีกด้วย

ลักษณะอาการสำคัญของหูดข้าวสุกที่ควรรู้ สังเกตได้อย่างไร ?

1. เป็นตุ่มนูนแข็งที่มีลักษณะจำเพาะ

  • เป็นตุ่มนูนแข็งขนาดเล็ก ประมาณ 2-5 มิลลิเมตร
  • ผิวเรียบ มันวาว (แตกต่างจากหูดหงอนไก่ที่มีลักษณะคล้ายดอกกะหล่ำ)
  • มักมีสีขาวมุก สีเนื้อ หรือสีชมพู
  • มีลักษณะเด่น คือ รอยบุ๋มตรงกลางตุ่มสีขาวคล้ายสะดือ
  • จำนวนตุ่ม อาจขึ้นเป็นตุ่มเดี่ยวๆ ไปจนถึงหลายสิบ หรือหลายร้อยตุ่ม โดยเฉพาะในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง

2. ตำแหน่งที่พบตุ่ม

  • ในเด็กมักพบบริเวณใบหน้า ลำคอ ลำตัว หน้าอก ท้อง หลัง แขนขา รักแร้ หรือข้อพับต่างๆ
  • ในผู้ใหญ่โดยส่วนใหญ่มักพบจากการติดต่อทางเพศสัมพันธ์ จึงมักพบบริเวณอวัยวะเพศ ท้องน้อย ต้นขาด้านใน หรือก้น เป็นต้น
  • บริเวณที่ไม่ค่อยพบ คือ ฝ่ามือและฝ่าเท้า ซึ่งนี่เป็นจุดหนึ่งที่ช่วยแยกหูดข้าวสุกออกจากโรคผิวหนังบางชนิดได้ 

3. ไม่เจ็บ ไม่ค่อยคัน

ตุ่มหูดข้าวสุกโดยทั่วไปมักจะไม่เจ็บและไม่ค่อยคัน แต่ในบางรายอาจมีอาการคันเล็กน้อย หรือผิวหนังรอบๆ ตุ่มอาจแดงและอักเสบ ซึ่งทำให้คันมากขึ้นได้

4. การอักเสบ หรือติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำซ้อน

การอักเสบของผิวหนังโดยรอบอาจทำให้เกิดการคันได้ ซึ่งหากมีการแกะ หรือเกา ตุ่มอาจอักเสบ แดง บวม หรือมีการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำซ้อน ทำให้มีหนองและเจ็บได้ ซึ่งเป็นภาวะที่ควรระวัง

วิธีการรักษาหูดข้าวสุก

ในคนที่มีสุขภาพแข็งแรง ตุ่มหูดข้าวสุกสามารถหายได้เองภายใน 6-18 เดือน หรืออาจนานกว่านั้นโดยไม่ทิ้งรอยแผลเป็น (หากไม่แกะเกา) อย่างไรก็ตาม การรักษาอาจจำเป็นในบางกรณี เช่น ในกลุ่มผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ลดการแพร่กระจายเชื้อ ลดอาการคันระคายเคือง รวมถึงดูแลปัญหาผิวจากตุ่มนูนให้กลับมาสวยงาม ซึ่งวิธีการรักษามีหลายวิธี โดยแพทย์จะพิจารณาเลือกวิธีที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย ดังนี้

  • การรักษาด้วยยา ซึ่งจะเป็นยาทาเฉพาะที่ตามแพทย์สั่ง เช่น สารแคนทาริดิน ยาทากลุ่มกรดวิตามินเอ ยาอิมิควิโมด และยาอื่นๆ เช่น Salicylic acid หรือ Potassium hydroxide เป็นต้น
  • การทำหัตถการโดยแพทย์ เพื่อเป็นการกำจัดตุ่มนูนของหูดข้าวสารสุกออก เช่น การจี้ด้วยความเย็น การขูดตุ่มออก หรือการรักษาด้วยเลเซอร์ เป็นต้น

ซึ่งการรักษาแต่ละวิธีมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน และอาจทำให้เกิดรอยแผลเป็น หรือสีผิวเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกวิธีที่เหมาะสมที่สุด

แม้หูดข้าวสุกจะไม่เป็นอันตรายต่อชีวิต แต่เพราะด้วยลักษณะตุ่มนูนแดงไม่น่ามองที่อาจเกิดขึ้นได้ถึงหลายร้อยตุ่ม ทำให้ผู้ที่เป็นโรคนี้ส่วนใหญ่สูญเสียความมั่นใจ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจและการให้ความร่วมมือในการรักษาได้ ดังนั้น วิธีการป้องกันหูดข้าวสุกไม่ว่าจะเป็นเลี่ยงการสัมผัสผู้ที่มีตุ่มโดยตรง ไม่ใช้ของร่วมกับผู้อื่น เสื้อผ้าที่ซื้อมาใหม่ควรซักก่อนใส่ รักษาสุขอนามัยส่วนตัวเสมอ หมั่นล้างมือให้สะอาดเป็นประจำ มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย เหล่านี้ล้วนเป็นวิธีที่ช่วยให้ทุกคนห่างไกลจากโรคติดต่อทางผิวหนังอย่างหูดข้าวสุกได้แล้ว

 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและนัดหมายแพทย์ได้ที่

ศูนย์ผิวหนังและความงาม ชั้น 9 โรงพยาบาลวิมุต

เวลาทำการ 08:00-17:00 น. โทร. 0-2079-0074

หรือดาวน์โหลด ViMUT Application เพื่อนัดหมายแพทย์ หรือบริการปรึกษาหมอออนไลน์

ทุกปัญหาสุขภาพ ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางออนไลน์ ที่พร้อมดูแลคุณด้วยความใส่ใจ

ผู้เขียน
ผญ.กรผกา ขันติโกสุม

แนะนำแพทย์ที่เกี่ยวข้อง

Card Image
พญ.กรผกา
ขันติโกสุม
แพทย์ผู้ชำนาญการด้านผิวหนัง

เรื่องสุขภาพน่ารู้ที่เกี่ยวข้อง

Card Image
8 วิธีรับมือปัญหาผิวหน้าจากการใส่หน้ากากอนามัย

หน้ากากอนามัยยุคโควิด-19 เป็นส่วนป้องกันการติดเชื้อ และ หน้ากากอนามัยยังเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดปัญหาผิวหนังตามมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นสิวหรือผื่นแดงคันบริเวณใต้หน้ากาก เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว รพ.วิมุตจึงขอแนะนำ 8 วิธีการเพื่อรับมือปัญหาเหล่านี้

อ่านเพิ่มเติม
Card Image
รักษาสิวด้วยตัวเองให้อยู่หมัด ต้องปรับ 5 พฤติกรรมนี้ !

รักษาสิวด้วยตัวเองมานานแล้ว แต่ทำไมหน้ายังเป็นสิวอยู่ แถมเพิ่มขึ้น หน้าแห้ง แดง ลอกเป็นขุยเพราะใช้ยารักษาสิว ต้องทำไงดี มาดูวิธีแก้และการดูแลผิวได้ที่นี่เลย

อ่านเพิ่มเติม
Card Image
5 วิธีสุดเวิร์ก บอกลาปัญหาผิวแห้งคัน ขาดความชุ่มชื้น

อากาศเย็นๆ หนาวๆ ทีไร ผิวแห้งคัน ลอกเป็นขุยได้ตลอด มาจัดการดูแลผิวแห้งคัน แตกลอกเป็นขุยให้กลับมาชุ่มชื้นสุขภาพดีได้ง่ายๆ กับ 5 วิธีสุดเวิร์กเหล่านี้

อ่านเพิ่มเติม
Card Image
เผยเคล็ดลับฟื้นฟูผิวไหม้แดด รักษาอาการแสบ แดง คล้ำ ด้วยวิธีง่ายๆ

การฟื้นฟูผิวไหม้แดด คล้ำ แสบผิว ลอกเป็นขุย รักษาด้วยตัวเองใช้วิธีใดได้บ้าง อาการรุนแรงระดับไหนควรพบแพทย์ หาคำตอบพร้อมกันที่นี่

อ่านเพิ่มเติม