หน้าฝนเป็นฤดูกาลที่มักจะมาพร้อมกับโรคต่างๆ มากมาย รวมถึงโรคติดเชื้ออย่างไข้หวัด RSV ซึ่งเชื้อไวรัสนี้ไม่ใช่เพียงไข้หวัดธรรมดา เพราะหากผู้ป่วยมีอาการหนักมี
โอกาสเสียชีวิต เนื่องจากระบบทางเดินหายใจล้มเหลวได้เช่นกัน! โดยเฉพาะในเด็กเล็กและผู้สูงอายุที่มีภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรง จะมีความเสี่ยงติดเชื้อและรุนแรงมากกว่าคนทั่วไป เพื่อหลีกเลี่ยงไข้หวัด RSV ตัวร้ายนี้ให้ไกล เรามาทำความเข้าใจและหาวิธีป้องกันไปพร้อมกันได้ที่บทความนี้! 

รวมทุกเรื่องที่ต้องรู้เท่าทัน! โรคไข้หวัด RSV อันตรายที่ไม่ควรมองข้าม

1.ไข้หวัด RSV ในผู้ใหญ่คืออะไร เกิดจากการติดเชื้ออะไร ?

ตอบ : ไข้หวัด RSV (Respiratory Syncytial Virus) เป็นเชื้อที่ก่อให้เกิดโรคในระบบทางเดินหายใจ แม้จะพบบ่อยในเด็กเล็ก แต่ในผู้ใหญ่ก็สามารถติดเชื้อได้เช่นกัน โดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ทั้งยังเป็นโรคที่ติดต่อกันได้ง่ายผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อ เช่น ละอองเสมหะจากการไอจาม น้ำมูก น้ำลาย โดยเชื้อไวรัสจะเข้าสู่ร่างกายผ่านทาง ตา จมูก ปาก หรือสัมผัสเชื้อโดยตรงจากการจับมือ 

2.เมื่อผู้ใหญ่ติดเชื้อไข้หวัด RSV จะมีอาการเป็นอย่างไร ?

ตอบ : เมื่อผู้สูงอายุหรือผู้ใหญ่เกิดการติดเชื้อไข้หวัด RSV สามารถสังเกตอาการบ่งชี้ได้ ดังนี้ 

• มีอาการไข้ต่ำๆ อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้นเล็กน้อย 
• มีน้ำมูกใสๆ ในระยะแรก
• รู้สึกเจ็บคอ ระคายคอ หรือแสบคอ
• เริ่มมีอาการไอแห้งๆ 
• หอบเหนื่อย อ่อนเพลีย
• เบื่ออาหาร 

3.โรคไข้หวัด RSV ในผู้ใหญ่มีความรุนแรงและอันตรายมากไหม ?

ตอบ : การติดเชื้อ RSV ในผู้สูงอายุมักมีความรุนแรงมากกว่าในวัยอื่นๆ ทั้งในเรื่องของระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอและมักมีโรคประจำตัวร่วมด้วย จึงมีความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ที่รุนแรงตามมาได้ โดยส่วนมากหากมีอาการรุนแรงเชื้อไวรัสนี้จะลงไปที่หลอดลมฝอยหรือเนื้อปอด ทำให้ปอดอักเสบ หายใจล้มเหลว หรือต้องเข้ารับการรักษาในห้อง ICU 

4.แนวทางการรักษาโรคไข้หวัด RSV ในผู้ใหญ่

ตอบ : ในปัจจุบันโรคไข้หวัด RSV นี้ยังไม่มีวิธีการหรือวัคซีนที่ใช้รักษาอย่างเฉพาะเจาะจง และเนื่องจากไม่มียาต้านไวรัส จึงต้องใช้วิธีการรักษาตามอาการ เช่น การให้ยาลดไข้ แก้ไอละลายเสมหะ หรือการให้ออกซิเจน เป็นต้น  

5.วิธีป้องกันโรคไข้หวัด RSV ทำได้อย่างไร ?

ตอบ : เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันและไม่มียาต้านเชื้อไวรัส จึงควรหลีกเลี่ยงการติดเชื้อและเสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงอยู่เสมอ ดังนี้ 

• หมั่นล้างมือบ่อยๆ หรือใช้เจลแอลกอฮอล์ทำความสะอาดอยู่เสมอ 
• หลีกเลี่ยงการสัมผัส หรือใกล้ชิดกับผู้ป่วย 
• อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี ปลอดโปร่ง ไม่แออัด 
• ดื่มน้ำให้มากๆ และนอนหลับให้เพียงพอ 
• สวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ โดยเฉพาะช่วงที่มีการระบาดของเชื้อไวรัส RSV 
• ทำความสะอาดข้าวของเครื่องใช้อยู่เสมอ 

6.ไข้หวัด RSV ในผู้ใหญ่และเด็กแตกต่างกันอย่างไร ?

ตอบ : ไข้หวัด RSV ในเด็กเล็ก โดยเฉพาะทารกและเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี มีแนวโน้มที่จะเกิดอาการรุนแรงมากกว่าในผู้ใหญ่ ส่วนมากตัวเชื้อไวรัสนี้จะลงไปที่หลอดลมฝอย หรือลงไปที่ตัวเนื้อปอด ทำให้ปอดอักเสบหรือหลอดลมฝอยอักเสบ หากพบเชื้อไวรัสนี้ในเด็กเล็กอายุน้อยกว่า 3 เดือน อาจทำเกิดอาการหยุดหายใจได้อีกด้วย 

7.ไข้หวัด RSV มีอาการแตกต่างจากไข้หวัดธรรมดาอย่างไร ?

ตอบ : ไข้หวัด RSV จะมีอาการคล้ายไข้หวัดธรรมดา แต่แตกต่างกันที่ไข้หวัด RSV จะมีไข้สูงกว่า และระยะเวลาในการเป็นจะนานกว่าไข้หวัดธรรมดาถึงแม้ในปัจจุบันเรายังไม่มีวัคซีนหรือยาต้านเชื้อไวรัส RSV แต่ยังสามารถป้องกันการติดเชื้อและลดการแพร่กระจายลงได้ด้วยวิธีการข้างต้น โดยเฉพาะในเด็กเล็กและผู้สูงอายุที่มีโอกาสติดเชื้อมากกว่าคนทั่วไปจะต้องให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาสุขภาพให้ดีอยู่เสมอ เพื่อส่งเสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงและสามารถหลีกเลี่ยงการติดเชื้อได้ 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและนัดหมายแพทย์ได้ที่
ศูนย์อายุรกรรม ชั้น 3 โรงพยาบาลวิมุต 
เวลาทำการ 07:00 - 20:00 น. โทร. 0-2079-0030 
หรือดาวน์โหลด ViMUT Application เพื่อนัดหมายแพทย์ หรือบริการปรึกษาหมอออนไลน์ 

ทุกปัญหาสุขภาพ ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางออนไลน์ ที่พร้อมดูแลคุณด้วยความใส่ใจ