โรคบาดทะยัก ไม่ได้เกิดจากสนิม! รู้ทันสาเหตุแท้จริงและอาการที่ต้องระวัง

03 ต.ค. 68  | ศูนย์อายุรกรรม
แชร์บทความ      

อุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ อย่างการเหยียบตะปู มีดบาด หรือแม้แต่แมวข่วน อาจดูเป็นเรื่องธรรมดาในชีวิตประจำวัน แต่คุณรู้หรือไม่ว่า… บาดแผลเหล่านี้อาจเป็นประตูสู่ ‘โรคบาดทะยัก’ ภัยเงียบที่แฝงตัวอยู่ในสิ่งแวดล้อมรอบตัวเรา ก่อให้เกิดอาการที่น่ากลัวและทรมานอย่างคาดไม่ถึง หลายคนอาจยังเข้าใจผิดว่าบาดทะยักเกิดจากสนิมเท่านั้น แต่ความจริงแล้วอันตรายอยู่ใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด

บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับโรคบาดทะยัก ตั้งแต่สาเหตุที่แท้จริง อาการสุดทรมานที่ต้องสังเกต ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นรวมถึงวิธีป้องกันด้วยวัคซีน ซึ่งเป็นเกราะสำคัญที่เราแนะนำ

โรคบาดทะยัก คืออะไร ?

โรคบาดทะยัก (Tetanus) เป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่รุนแรง เกิดจากเชื้อคลอสตริเดียม เตตานิ (Clostridium tetani) โดยเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้ไม่ได้ทำให้เกิดอาการโดยตรง แต่เมื่อเข้าสู่ร่างกายและเจริญเติบโตในสภาวะที่ไม่มีออกซิเจน เช่น เวลาเกิดบาดแผล โดยเฉพาะแผลลึก เชื้อแบคทีเรียนี้จะสร้างสารพิษที่มีชื่อว่า เตตาโนสปาสมิน (Tetanospasmin) ซึ่งเป็นสารพิษที่มีฤทธิ์ร้ายแรงต่อระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้กล้ามเนื้อทั่วร่างกายเกิดการหดเกร็งอย่างต่อเนื่องและควบคุมไม่ได้

สาเหตุของโรคบาดทะยัก ไม่ได้เกิดแค่จากสนิม! หลายคนเข้าใจว่าบาดทะยักเกิดจากสนิมบนโลหะ แต่จริงๆ แล้ว สนิมไม่ได้เป็นสาเหตุโดยตรง! เพียงแต่เป็นสัญญาณว่าโลหะนั้นเก่า และอาจเคยสัมผัสกับสิ่งแวดล้อมภายนอกซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่ของสปอร์เชื้อบาดทะยัก ซึ่งแหล่งที่มาที่แท้จริงของเชื้อบาดทะยักคือ สปอร์ (Spores) ของเชื้อ Clostridium tetani พบได้ทั่วไปใน

  • ดิน
  • ฝุ่นละออง
  • มูลสัตว์ (เช่น วัว, ม้า) และอุจจาระของมนุษย์
  • สิ่งที่ปนเปื้อนเชื้อจากแหล่งเหล่านี้ เช่น ตะปู เศษไม้ หนาม เครื่องมือทำสวน ก่อสร้างที่สกปรก เล็บของหมาและแมวที่สัมผัสกับดิน

อาการของโรคบาดทะยัก อาการที่น่ากลัวและทรมานอย่างที่คุณไม่คาดคิด ?

อาการของโรคบาดทะยักจะค่อยๆ ปรากฏขึ้นหลังจากเชื้อเข้าสู่ร่างกายผ่านบาดแผลต่างๆ และเริ่มสร้างสารพิษเตตาโนสปาสมิน ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อระบบประสาท ทำให้กล้ามเนื้อทำงานผิดปกติและเกิดการหดเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ โดยทั่วไปอาการจะเริ่มประมาณ 3 วัน ถึง 3 สัปดาห์หลังได้รับเชื้อ โดยมักจะเริ่มจากบริเวณศีรษะและคอ แล้วลามไปส่วนอื่นๆ ดังนี้

1.ขากรรไกรแข็ง

อาการแรกเริ่มของบาดทะยักที่มักปรากฏคือ เริ่มจากรู้สึกตึงๆ ที่กราม เคี้ยวอาหารลำบาก พูดไม่ค่อยถนัด ต่อมาจะอ้าปากได้น้อยลงเรื่อยๆ จนกระทั่งอ้าปากไม่ได้เลย หรืออ้าได้เพียงเล็กน้อย ทำให้พูดไม่ชัด กินอาหาร หรือดื่มน้ำลำบากมาก

2.กล้ามเนื้อคอและใบหน้าเกร็ง

ต่อมาอาการเกร็งจะลามมาที่กล้ามเนื้อคอ ทำให้คอแข็ง หันซ้ายขวาไม่สะดวก ก้มเงยลำบาก กล้ามเนื้อใบหน้าก็จะเริ่มเกร็ง ทำให้หน้าตาดูบิดเบี้ยว บางครั้งมุมปากอาจถูกดึงรั้งออกไปด้านข้างและคิ้วเลิกขึ้น ทำให้เกิดลักษณะที่เรียกว่า ‘ยิ้มแสยะ’ ซึ่งเป็นการยิ้มที่ดูฝืนและเจ็บปวด

3.กลืนลำบาก

จากนั้นจะเริ่มมีการหดเกร็งของกล้ามเนื้อคอหอย ทำให้กลืนน้ำลายหรืออาหารได้ยากมาก หรืออาจสำลักได้ง่าย

4.กล้ามเนื้อหลังและท้องแข็งเกร็ง

อาการเกร็งจะลามลงมาที่ลำตัว กล้ามเนื้อหลังจะแข็งเกร็งมาก จนอาจทำให้หลังแอ่นโค้งโดยที่ศีรษะและส้นเท้าอาจงอไปด้านหลัง ส่วนกล้ามเนื้อท้องก็จะแข็งเกร็งเหมือนแผ่นกระดาน

5.อาการชักเกร็งทั้งตัวอย่างรุนแรง

เป็นระยะอาการโรคบาดทะยักที่น่ากลัวและอันตรายที่สุด ผู้ป่วยจะมีอาการกล้ามเนื้อทั่วร่างกายหดเกร็งอย่างรุนแรงพร้อมๆ กัน ซึ่งสิ่งเร้าเพียงเล็กน้อย เช่น เสียงดัง, แสงจ้า, การสัมผัสตัว ก็สามารถกระตุ้นให้เกิดอาการชักเกร็งได้ ทำให้มีอาการตัวแข็งเกร็ง เหยียดตรง หรือหลังแอ่นอย่างมาก อาการชักเกร็งนี้จะเจ็บปวดทรมานอย่างยิ่งและผู้ป่วยยังรู้สึกตัวดีตลอดเวลาที่เกร็ง ไม่ได้หมดสติเหมือนการชักแบบอื่น ในรายที่รุนแรง แรงเกร็งอาจมากจนทำให้กระดูกหักหรือกล้ามเนื้อฉีกขาดได้

6.มีปัญหาการหายใจ

เป็นระยะอาการของโรคที่อันตรายถึงชีวิต เพราะหากเกิดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อที่ช่วยในการหายใจ (กะบังลม, กล้ามเนื้อซี่โครง) และกล้ามเนื้อกล่องเสียง จะทำให้ผู้ป่วยหายใจลำบาก หายใจตื้นเร็ว หรืออาจหยุดหายใจได้

นอกจากปัญหาการหายใจล้มเหลวซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตหลักแล้ว ภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่ ปอดอักเสบจากการสำลัก ลิ่มเลือดอุดตันจากการนอนนิ่งๆ นาน กระดูกหัก กล้ามเนื้อลายสลาย (Rhabdomyolysis) ที่อาจนำไปสู่ไตวาย และปัญหาทางระบบประสาทอัตโนมัติที่จะทำให้ความดันโลหิตแปรปรวน หัวใจเต้นผิดจังหวะได้

โรคบาดทะยักที่อันตรายและน่ากลัว อย่ารอจนอาการหนัก ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

เนื่องจากอาการของบาดทะยักนั้นรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ ดังนั้น เมื่อเกิดบาดแผลควรทำความสะอาดและรีบไปพบแพทย์เพื่อประเมินความเหมาะสมของการให้วัคซีนป้องกันบาดทะยัก (Tetanna toxoid) หรือยาต้านพิษ (Tetanus immunoglobulin-TIG) เพื่อทำลายพิษที่อาจเกิดขึ้นทันทีในกรณีที่มีความเสี่ยงสูงมาก

 
 

การรักษาโรคบาดทะยัก ทำได้อย่างไรบ้าง ?

การรักษาโรคบาดทะยักเมื่อมีอาการแล้ว จะเน้นการดูแลประคับประคองในโรงพยาบาล ซึ่งมักต้องอยู่ใน ICU เพื่อควบคุมอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ ช่วยการหายใจและให้ยาต้านพิษ (Tetanus Immune Globulin - TIG) เพื่อไปจับสารพิษที่ยังไม่เข้าสู่ระบบประสาท รวมถึงการให้ยาปฏิชีวนะเพื่อกำจัดเชื้อแบคทีเรียที่แผลและการทำความสะอาดแผล

แต่การฉีดวัคซีนบาดทะยัก มีความสำคัญอย่างยิ่งทั้งในการป้องกันล่วงหน้าและการรักษาเบื้องต้นหลังได้รับบาดแผลที่มีความเสี่ยง แพทย์จะพิจารณาให้วัคซีน หรือเข็มกระตุ้นตามประวัติการฉีดวัคซีนและความเสี่ยงของแผล เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อสารพิษ นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเมื่อเกิดบาดแผลจากการเหยียบตะปู มีดบาด หรือแม้แต่แมวข่วน แพทย์จึงมักแนะนำให้ฉีดวัคซีนกระตุ้นป้องกันบาดทะยัก


 

การป้องกันบาดทะยัก… ดีที่สุดคือวัคซีน!

วิธีป้องกันโรคบาดทะยักที่ดีที่สุดและมีประสิทธิภาพที่สุด คือ การฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยักให้ครบตามกำหนด

  • เด็กเล็ก จะได้รับวัคซีนรวมป้องกันโรคคอตีบ ไอกรน บาดทะยักเป็นชุดตามวัย
  • เด็กโตและผู้ใหญ่ ควรได้รับการฉีดวัคซีนกระตุ้นทุกๆ 10 ปี
  • การฉีดวัคซีนกระตุ้นหลังเกิดแผล หากมีบาดแผลที่มีความเสี่ยง และฉีดวัคซีนเข็มสุดท้ายนานเกิน 5 ปี สำหรับแผลสกปรก หรือ 10 ปี สำหรับแผลสะอาด แพทย์มักจะแนะนำให้ฉีดกระตุ้น

เพื่อความมั่นใจในการป้องกันโรคบาดทะยักและโรคอื่นๆ ที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน โรงพยาบาลวิมุตมีวัคซีนรวมป้องกันโรคคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน สำหรับผู้ใหญ่และผู้สูงวัย ซึ่งเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน อีกทั้งการได้รับวัคซีนครบถ้วนตามกำหนดเป็นเกราะป้องกันที่ดีที่สุดจากโรคที่น่ากลัวนี้ 

แพ็กเกจวัคซีนรวมป้องกันโรคคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน สำหรับผู้ใหญ่และผู้สูงวัย ในราคาพิเศษ 

เรียกได้ว่าโรคบาดทะยักเป็นภัยเงียบที่อันตรายและน่ากลัวไม่น้อย หากเกิดอุบัติเหตุจึงควรพบแพทย์ทันทีเมื่อมีบาดแผลที่เสี่ยงหรือเริ่มมีอาการน่าสงสัย เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเองและคนที่คุณรัก รวมถึงอย่าลืมตรวจสอบประวัติการฉีดวัคซีนและเข้ารับการฉีดเข็มกระตุ้นตามกำหนดเสมอ


 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและนัดหมายแพทย์ได้ที่ 

ศูนย์อายุรกรรม ชั้น 3 โรงพยาบาลวิมุต 

เวลาทำการ 07:00 - 24:00  น. โทร. 0-2079-0030 

หรือดาวน์โหลด ViMUT Application เพื่อนัดหมายแพทย์ หรือบริการปรึกษาหมอออนไลน์

ทุกปัญหาสุขภาพ ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางออนไลน์ ที่พร้อมดูแลคุณด้วยความใส่ใจ


เรื่องสุขภาพน่ารู้ที่เกี่ยวข้อง

Card Image
รู้หรือไม่… วัคซีนปอดอักเสบจำเป็นแค่ไหนในผู้สูงอายุ

วัคซีนปอดอักเสบในผู้สูงอายุ จำเป็นต้องฉีดไหม ฉีดแล้วช่วยป้องกันโรคปอดอักเสบได้จริงหรือไม่ มาดูคำตอบได้ที่นี่ว่าทำไมผู้สูงอายุถึงควรฉีดวัคซีนนี้กัน พร้อมแพ็กเกจวัคซีนราคาพิเศษ

อ่านเพิ่มเติม
Card Image
6 วัคซีนสำหรับผู้สูงอายุ ที่แนะนำให้ลูกหลานพาไปฉีด

เปิดคำแนะนำการฉีดวัคซีนผู้สูงอายุ วัคซีนอะไรบ้างที่ควรฉีดอัปเดตข้อมูลปี 2566 เพื่อลดอัตราเสี่ยงการเสียชีวิตและบรรเทาอาการหนักให้เบาลง กับ 6 วัคซีนนี้เลยที่เรารวมข้อมูลมาให้แล้ว

อ่านเพิ่มเติม
Card Image
หายป่วยลองโควิดได้ หายขาดด้วยโปรแกรมตรวจสุขภาพหลังเป็นโควิด

โควิดที่ว่าน่ากลัว ยังไม่เท่าลองโควิด มาตรวจเช็กปอดและร่างกายให้เท่าทันโรค กับโปรแกรมตรวจสุขภาพหลังเป็นโควิด เพื่อการฟื้นฟูและการดูแลตัวเองได้อย่างรวดเร็ว

อ่านเพิ่มเติม
Card Image
รวมสารพัดเมนูอาหาร เพื่อสุขภาพผู้สูงอายุ

รวมสารพัดเมนูอาหารเพื่อผู้สูงอายุ ควรกินอะไรดี ใครนึกไม่ออก เรารวมให้แล้วที่นี่ กับเมนูอาหารและโภชนาการเพื่อผู้สูงอายุ ที่ช่วยดูแลสุขภาพและบำรุงร่างกายให้แข็งแรงอย่างยั่งยืน

อ่านเพิ่มเติม