ช็อกโกแลตซีสต์ ภัยเงียบอันตรายสำหรับผู้หญิง

08 ส.ค. 66  | ศูนย์สูตินรีเวช
แชร์บทความ      

ช็อกโกแลตซีสต์ ภัยเงียบอันตรายสำหรับผู้หญิง

ซีสต์ (cyst) หมายถึง ถุงน้ำที่เกิดขึ้นภายในร่างกาย ซึ่งเกิดขึ้นได้จากหลายภาวะ เช่น เกิดจากภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ทำให้เกิดถุงน้ำที่บรรจุของเหลวด้านในสีแดงเข้ม หรือสีน้ำตาลคล้ายช็อกโกแลต และเป็นที่รู้จักกันในชื่อ ‘ช็อกโกแลตซีสต์’ chocolate cyst, endometriotic cyst หรือ endometrioma นับเป็นอาการเรื้อรังที่ต้องดูแลรักษาอย่างต่อเนื่องในระยะยาว และอาจส่งผลให้เกิดอาการแทรกซ้อนได้ ดังนั้นการดูแลสุขภาพ สังเกตตัวเองอย่างสม่ำเสมอ และหมั่นตรวจสุขภาพประจำปี จะทำให้ตรวจพบความผิดปกติได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น วันนี้เรามาเรียนรู้วิธีสังเกตอาการช็อกโกแลตซีสต์เพื่อเป็นการป้องกันตัวเองในเบื้องต้น และสามารถเข้ารับการรักษาได้ทันเพื่อยับยั้งไม่ให้โรคบานปลาย 

ช็อกโกแลตซีสต์ หรือภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ เกิดจากสาเหตุใด

ช็อกโกแลตซีสต์ (chocolate cyst) เรียกอีกชื่อหนึ่งคือ endometriotic cyst หรือ endometrioma เป็นภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ เกิดจากเยื่อบุโพรงมดลูกที่หลุดลอกเป็นประจำเดือน ไหลย้อนกลับไปทางท่อนำไข่เข้าไปในช่องท้องและอุ้งเชิงกราน ทำให้เซลล์เยื่อบุโพรงมดลูกไปฝังตัวและเจริญกลายเป็นถุงน้ำ ซึ่งภายในบรรจุไปด้วยของเหลวคล้ายเลือดประจำเดือน สะสมไว้จนกลายเป็นสีเข้มขึ้นคล้ายสีช็อกโกแลต 

โดยมักพบเยื่อบุโพรงมดลูกไปเจริญอยู่ที่บริเวณผิวด้านนอกมดลูกและบริเวณใกล้เคียง เช่น ท่อนำไข่ รังไข่ กระเพาะปัสสาวะ ลำไส้ และเยื่อบุช่องท้องบริเวณอุ้งเชิงกราน นอกจากนี้ยังมีทฤษฎีที่เชื่อว่าเซลล์เยื่อบุโพรงมดลูกกระจายไปที่อื่นได้ โดยผ่านทางระบบหลอดเลือดและน้ำเหลือง ทำให้สามารถพบความผิดปกติที่อวัยวะอื่นๆ ได้ทั้ง ปอด ตับ ต่อมน้ำเหลือง สมอง และผิวหนัง เป็นต้น

อาการน่าสงสัยเสี่ยงเป็น ‘ช็อกโกแลตซีสต์’ หรือ ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่

ช็อกโกแลตซีสต์โดยแรกเริ่มไม่มีอาการที่แสดงออกอย่างชัดเจน แต่สามารถสังเกตอาการเสี่ยงต่อการเกิดช็อกโกแลตซีสต์ได้ ดังนี้ 

  1. มีอาการปวดท้องประจำเดือนมากขึ้นเรื่อยๆ (progressive dysmenorrhea)
  2. มีอาการเจ็บในอุ้งเชิงกรานขณะมีเพศสัมพันธ์ (dyspareunia) 
  3. ปวดหน่วงลงทวารหนักช่วงมีประจำเดือน 
  4. ปัสสาวะเป็นเลือด หรือถ่ายเป็นเลือดช่วงมีประจำเดือน 
  5. มีเลือดออกกะปริบกะปรอยทางช่องคลอด หรือประจำเดือนมามากกว่าปกติ 
  6. หากถุงน้ำมีขนาดใหญ่อาจคลำพบก้อนบริเวณท้องน้อยได้  
  7. สัมพันธ์กับอาการปวดท้องน้อยเรื้อรัง และภาวะมีบุตรยาก

แนวทางและวิธีการรักษาช็อกโกแลตซีสต์

วิธีการรักษาถุงน้ำช็อกโกแลตซีสต์นั้นขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการตรวจพบ และขนาดของถุงน้ำว่ามีการเติบโตถึงขั้นใดแล้ว รวมถึงอาการของผู้ป่วย อายุ และความต้องการมีบุตรร่วมด้วย ปัจจัยเหล่านี้จะทำให้วิธีการรักษาของผู้ป่วยแต่ละคนต่างกัน โดยแพทย์จะทำการวินิจฉัยและพิจราณาเลือกตามความเหมาะสม ส่วนใหญ่สามารถแบ่งเป็น 2 วิธี ดังนี้

  1. รักษาด้วยการใช้ยา 
  • ยาแก้ปวดกลุ่มที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ NSAIDs เพื่อช่วยลดอาการปวดประจำเดือนและอาการปวดท้องน้อย
  • ยาฮอร์โมน ออกฤทธิ์กดการทำงานของรังไข่ ทำให้รอยโรคของเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่เกิดการฝ่อตัวลง จึงช่วยลดอาการปวดประจำเดือนและอาการปวดท้องน้อยได้ โดยมีวิธีการให้ยาหลายรูปแบบ เช่น ยากิน ยาฉีด ห่วงฮอร์โมนสำหรับใส่ในโพรงมดลูก ยาฉีด GnRH agonist เป็นต้น ในขณะที่ใช้ยานี้จะมีผลให้ผู้ป่วยไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ ดังนั้นหากผู้ป่วยต้องการตั้งครรภ์ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุด
  1. รักษาด้วยวิธีการผ่าตัด เพื่อตัดรอยโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ออกให้มากที่สุด และคงลักษณะทางกายวิภาคของอวัยวะต่างๆ ในอุ้งเชิงกรานเป็นปกติ โดยวิธีมาตรฐานของการผ่าตัดรักษาเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ คือ การผ่าตัดส่องกล้อง เนื่องจากเกิดพังผืดภายหลังการผ่าตัดน้อยกว่าวิธีการผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง อีกทั้งสามารถฟื้นตัวได้เร็ว เป็นวิธีที่เหมาะสมอย่างยิ่งในผู้ป่วยที่ยังต้องการตั้งครรภ์ในอนาคต

ในการผ่าตัดเอารอยโรคของเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ออกนั้น ทำได้เฉพาะกับรอยโรคที่มองเห็นได้ชัดเจนด้วยตาเปล่า โดยภายหลังการผ่าตัดหากไม่ได้รับการรักษาด้วยยาฮอร์โมนต่อเนื่อง พบว่ามีโอกาสที่โรคจะกลับเป็นซ้ำได้มากร้อยละ 5 ถึง 20 ต่อปี หรือร้อยละ 40 ในเวลา 5 ปี ดังนั้นในผู้ป่วยที่ต้องการตั้งครรภ์และมีข้อบ่งชี้ในการผ่าตัดแล้ว ช่วงเวลาดีที่สุดที่จะมีโอกาสตั้งครรภ์อยู่ในช่วง 1 ปีแรกภายหลังการผ่าตัด ส่วนผู้ป่วยที่ยังไม่ต้องการตั้งครรภ์ในทันที จึงควรได้รับการรักษาต่อเนื่องด้วยการใช้ยาฮอร์โมน เพื่อเป็นการป้องกันการกลับเป็นซ้ำนั่นเอง

ช็อกโกแลตซีสต์สามารถกลายเป็นมะเร็งได้หรือไม่ ?

ช็อกโกแลตซีสต์ หรือโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่มีโอกาสที่รอยโรคนั้นจะกลายเป็นมะเร็งพบได้ประมาณ 1 - 2 % และเพิ่มความเสี่ยงการเกิดมะเร็งรังไข่ ชนิดเบื่อบุผิว (Endothelial ovarian cancer) ได้มากขึ้น 2 - 3 เท่าของคนปกติถึงจะมีความเสี่ยงน้อยแต่ไม่ควรประมาท ดังนั้นควรรับการดูแลอย่างต่อเนื่อง และตรวจภายในอย่างสม่ำเสมอ

ช็อกโกแลตซีสต์ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่โรคร้ายที่ส่งผลอันตรายถึงชีวิต แต่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวันของผู้หญิงเราไม่น้อย เนื่องจากต้องทนกับอาการปวดท้องจนบางครั้งส่งผลกระทบทําให้ต้องหยุดเรียน หรือหยุดงาน เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ช็อกโกแลตซีสต์แตกหรือเจริญเติบโตจนต้องผ่าตัด จึงควรหมั่นสังเกตอาการเสี่ยงที่อาจนำไปสู่การเกิดถุงน้ำช็อกโกแลตซีสต์อย่างสม่ำเสมอ หากใครที่เป็นกังวลเรื่องความเสี่ยงเกิดถุงน้ำช็อกโกแลตซีสต์ ที่โรงพยาบาลวิมุต ศูนย์สูตินรีเวช มีสูตินรีแพทย์คอยให้คำปรึกษาตลอดเวลาทำการ 

 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและนัดหมายแพทย์ได้ที่
ศูนย์สูตินรีเวช ชั้น 3 โรงพยาบาลวิมุต 

เวลาทำการ 08.00-20.00 น. โทร. 0-2079-0066 

หรือดาวน์โหลด ViMUT Application เพื่อนัดหมายแพทย์ หรือบริการปรึกษาหมอออนไลน์ 

 

ทุกปัญหาสุขภาพ ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางออนไลน์ ที่พร้อมดูแลคุณด้วยความใส่ใจ

ผู้เขียน
พญ. พรรณลดา ฉันทศาสตร์รัศมี สูตินรีแพทย์

เรื่องสุขภาพน่ารู้ที่เกี่ยวข้อง

Card Image
คุณแม่มือใหม่ ต้องเตรียมตัวอย่างไรหลังคลอด ?

ใกล้เวลาได้พบเจอกัน แต่คุณแม่มือใหม่จำนวนไม่น้อยที่ไม่รู้ว่าต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง กับสิ่งที่ต้องเจอหลังคลอดลูก ที่นี่เราได้รวมข้อมูลเพื่อคุณแม่มือใหม่มาให้แล้ว

อ่านเพิ่มเติม
Card Image
ไขข้อข้องใจ ทำไมผู้หญิงถึงควรฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูก ?

วัคซีนมะเร็งปากมดลูก ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งมดลูกได้จริงไหม จำเป็นแค่ไหน ทำไมต้องฉีด

อ่านเพิ่มเติม
Card Image
4 มะเร็งร้ายที่ผู้หญิงต้องระวัง พร้อมโปรแกรมตรวจสุขภาพผู้หญิง

เช็กให้ชัวร์เพื่อสุขภาพของผู้หญิงทุกคน กับ 4 มะเร็งร้ายทำลายชีวิต ที่สาวๆ ต้องหมั่นสังเกต พร้อมโปรแกรมตรวจสุขภาพผู้หญิงปี 2567 ราคาพิเศษจาก รพ. วิมุต

อ่านเพิ่มเติม
Card Image
ก้าวสู่ชีวิตคู่อย่างมั่นใจ “ตรวจสุขภาพก่อนแต่งงาน”

เริ่มต้นชีวิตคู่ที่สมบูรณ์แบบพร้อมสุขภาพดีไปด้วยกัน กับการตรวจสุขภาพก่อนแต่งงาน หลายคนอาจสงสัยว่าจำเป็นหรือไม่และต้องตรวจอะไรบ้าง เรามีคำตอบมาให้แล้วที่นี่

อ่านเพิ่มเติม

แนะนำแพ็กเกจที่เกี่ยวข้อง