รวม 7 ตำแหน่งอาการปวดหัว ปวดแบบนี้เป็นโรคอะไรกันแน่

30 ต.ค. 66  | ศูนย์สมองและระบบประสาท
แชร์บทความ      

7 ตำแหน่งอาการปวดหัว ปวดแบบนี้เป็นโรคอะไรกันแน่

อาการปวดหัว เชื่อว่าไม่มีใครไม่เคยเจอปัญหาสุขภาพที่ดูเหมือนเป็นเรื่องเล็ก แต่เกิดขึ้นได้บ่อยๆ นี้ กลับทำให้มีคนจำนวนไม่น้อยต้องพบหมอเพื่อค้นหาสาเหตุและบรรเทาอาการที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดหัวจี๊ดๆ ปวดหัวตุบๆ ปวดหัวข้างซ้าย ปวดหัวข้างขวา ปวดหัวข้างเดียว ปวดหัวทั้งหัว ปวดขมับ หรือแม้กระทั่งปวดหัวแล้วคลื่นไส้ ซึ่งในแต่ละตำแหน่งต่างก็สามารถบ่งบอกสาเหตุของอาการปวดหัวที่เกิดขึ้นได้ วันนี้เรามาดูกันว่าอาการปวดหัวที่เป็นอยู่บอกโรคอะไร

ปวดหัวแบบนี้ ปวดหัวตรงนี้ เกิดจากอะไรได้บ้าง

1. ปวดหัวข้างซ้าย หรือข้างขวา ด้านใดด้านหนึ่ง

อาการปวดหัวข้างเดียว ไม่ว่าจะข้างซ้ายหรือข้างขวา อาจเป็นอาการของ “ปวดหัวไมเกรน” ได้ โดยมักมีอาการอื่นร่วม เช่น ปวดร้าวไปถึงท้ายทอย คลื่นไส้ อาเจียน จะมีอาการมากขึ้นเมื่อลุกเดิน เจอเสียงดัง หรือแสงจ้า โดยอาการจะเกิดขึ้นนาน 4-72 ชั่วโมง และจะดีขึ้นเมื่อได้พักในที่มืดหรืออากาศเย็น

2. ปวดหัวเหมือนโดนบีบขมับทั้ง 2 ข้าง

หากคุณมีอาการปวดหัวเหมือนโดนบีบตลอดเวลาบริเวณหน้าผากและขมับทั้ง 2 ข้าง บางครั้งมีอาการปวดเบ้าตาร่วมด้วย รวมถึงมีอาการปวดร้าวไปถึงท้ายทาย โดยมักมีอาการเป็นประจำในช่วงบ่ายหรือเย็น นี่อาจเป็น “อาการปวดหัวจากความเครียดหรือที่เรียกว่า “ปวดศีรษะจากกล้ามเนื้อตึงตัว” ที่มาจากการตึงของกล้ามเนื้อ เป็นสัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่าคุณต้องเริ่มปล่อยว่างความเครียดและถึงเวลาพักผ่อนแล้วนั่นเอง

3. ปวดหัวและปวดกระบอกตาข้างเดียว ร่วมกับตาแดง น้ำตาไหล

การปวดหัวข้างเดียว ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดหัวข้างซ้าย หรือปวดหัวข้างขวา ไม่ใช่แค่เพียงบ่งบอกถึงอาการปวดไมเกรนเท่านั้น แต่ยังสามารถเป็นอาการ “ปวดหัวคลัสเตอร์” ได้เช่นกัน แต่จะมีความรุนแรงมากกว่าไมเกรน ร่วมกับอาการปวดเบ้าตา ตาแดง น้ำตาไหลข้างเดียวกับที่ปวดหัว แต่ทั้งนี้อาการปวดหัวคลัสเตอร์มักเป็นๆ หายๆ กินระยะเวลาตั้งแต่ 15 นาที จนถึง 3 ชั่วโมง สามารถปวดถี่ถึง 8 ครั้ง/วัน หรือปวดวันเว้นวันได้ โดยมักจะปวดซ้ำในช่วงเวลาเดิมของวัน หรือช่วงเวลาเดิมของปี

4. ปวดหัวช่วงหน้าผากไปจนถึงโหนกแก้ม หรือโพรงจมูก ร่วมกับอาการคัดจมูก หรือการรับกลิ่นผิดปกติ

ซึ่งทั้งหมดที่ได้กล่าวข้างต้นนี้เป็นอาการที่ค่อนข้างแน่ชัดของ “โรคไซนัส” ซึ่งเป็นโรคที่ทำให้คุณรู้สึกปวดหัวได้ แต่โรคไซนัสมักจะทำให้คุณมีอาการปวดตึงๆ หนักๆ ช่วงบริเวณหน้าผาก หัวคิ้ว หัวตา โพรงจมูกและโหนกแก้มได้ รวมถึงมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล หรือการรับกลิ่นผิดปกติได้ด้วยได้

5. ปวดหัวตุบๆ ตัวร้อน มีไข้

สำหรับบางคนที่มีอาการปวดหัวตุบๆ ไม่เฉพาะเจาะจงบริเวณใดบริเวณหนึ่ง ร่วมกับอาการอ่อนเพลีย เมื่อยล้า ตัวร้อน มีไข้ เหล่านี้เป็นอาการ “ปวดหัวจากไข้หวัดต่างๆ” นั่นเอง 

6. ปวดหัว หรือตึงท้ายทอย ร่วมกับปากเบี้ยว แขนขาอ่อนแรง

อาการปวดหัวบริเวณท้ายทอยที่อยู่ๆ ก็ปวดขึ้นมา และเพิ่มระดับความรุนแรงแบบเฉียบพลันทันทีทันใด ร่วมกับอาการปากเบี้ยว พูดไม่ได้ แขนขาอ่อนแรง เดินเซ เดินลำบาก มองไม่เห็น และซึมลงอย่างเห็นได้ชัด อาจเป็นอาการ “ปวดหัวจากโรคหลอดเลือดสมอง” ซึ่งควรรีบพบแพทย์ให้เร็วที่สุดเพราะมีความเสี่ยงต่อชีวิตได้

7. ปวดหัวเรื้อรัง ปวดรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ คลื่นไส้ อาเจียน เห็นภาพเบลอ เห็นภาพซ้อน หรือมีอาการชักเกร็ง

สำหรับใครที่มักปวดหัวบ่อยๆ แต่ละครั้งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หรือมีอาการปวดตอนกลางคืนจนต้องตื่นกลางดึก ร่วมกับมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เห็นภาพเบลอ เห็นภาพซ้อน พูดไม่ชัด พูดติดขัด มีปัญหาการเดิน ทรงตัวไม่ได้ แขนขาอ่อนแรง เป็นอัมพาตครึ่งซีก หรือมีอาการชักเกร็งโดยไม่เคยเป็นมาก่อน อาจเป็นอาการ “ปวดหัวจากเนื้องอกในสมอง” ได้

ปวดหัวแบบไหนที่ควรรีบมาพบแพทย์

ลักษณะอาการปวดหัวที่รุนแรงต่อชีวิต เช่น 

  • ปวดหัวบริเวณท้ายทอย ปวดหัวร่วมกับมีอาการชาตามแขนขา หรือไม่มีแรง 
  • ปวดหัวแล้วชักเกร็ง วูบหมดสติ 
  • ปวดหัวมากจนอาเจียนพุ่ง 
  • ปวดหัวร่วมกับการมองเห็นแย่ลง พูดไม่ได้ ปากเบี้ยว เดินผิดปกติ
  • ปวดหัวตอนกลางคืนจนต้องตื่น

แม้ว่าอาการปวดหัวจะดูเป็นเรื่องทั่วไป ที่บ่อยครั้งเพียงแค่นอนพักผ่อนให้เพียงพอ หรือรับประทานยาแก้ปวดก็สามารถบรรเทาอาการปวดหัวได้แล้ว แต่ทั้งนี้อาการปวดหัวที่เรื้อรัง หรือมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นร่วมกับการชาแขนขา ไม่มีแรง ควรรีบไปโรงพยาบาลทันที 

จัดการทุกปัญหาปวดหัว หรือหัวจะปวดได้อย่างตรงจุดที่ศูนย์สมองและระบบประสาทโรงพยาบาลวิมุต

ไม่ว่าจะอาการปวดหัวข้างซ้าย ปวดหัวข้างขวา ปวดกระบอกตา ปวดขมับ ปวดท้ายทอย ปวดไซนัส ปวดหัวไมเกรน ปวดหัวจากความเครียด หรือปวดหัวคล้ายเป็นเนื้องอกในสมอง ไม่ว่าจะปวดหัวจากสาเหตุ หรือตำแหน่งไหน ที่ศูนย์สมองและประสาทโรงพยาบาลวิมุต เรามีแพทย์เฉพาะทางสำหรับดูแลอาการปวดหัวโดยเฉพาะ พร้อมเครื่องมือและเทคโนโลยีทางการแพทย์สมัยใหม่ ที่ให้คุณรู้สาเหตุและรักษาได้อย่างแม่นยำ

 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและนัดหมายแพทย์ได้ที่
ศูนย์สมองและระบบประสาท ชั้น 3  โรงพยาบาลวิมุต 
เวลาทำการ 08:00-17:00 น. โทร. 0-2079-0068
หรือดาวน์โหลด ViMUT Application เพื่อนัดหมายแพทย์ หรือบริการปรึกษาหมอออนไลน์

ทุกปัญหาสุขภาพ ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางออนไลน์ ที่พร้อมดูแลคุณด้วยความใส่ใจ

ผู้เขียน
นพ. กฤตวิทย์ รุ่งแจ้ง อายุรแพทย์ผู้ชำนาญการด้านสมองและระบบประสาท

แนะนำแพทย์ที่เกี่ยวข้อง

Card Image
นพ.กฤตวิทย์
รุ่งแจ้ง
อายุรแพทย์ผู้ชำนาญการด้านสมองและระบบประสาท
ประสาทวิทยา

เรื่องสุขภาพน่ารู้ที่เกี่ยวข้อง

Card Image
ระวัง! สัญญาณเตือน สโตรก (Storke) ของหลุดมือบ่อย น้ำลายไหลมุมปาก

สโตรก(stroke) หรือโรคหลอดเลือดสมองตีบ แตก หรืออุดตัน ส่งผลให้เกิดอาการแขนขาไม่มีแรงเฉียบพลัน หน้าเบี้ยว น้ำลายไหลมุมปาก หยิบจับของแล้วหล่น สัญญาณเตือนให้เข้ารับการรักษาด่วนที่สุด เพราะอาจทำให้เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต หรือร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิต

อ่านเพิ่มเติม
Card Image
ฝึกสมองให้ฟิตอยู่เสมอกับ 5 เคล็ดลับ ลับสมองให้คม

ไม่อยากเป็นอัลไซเมอร์ สมองเสื่อม ขี้หลงขี้ลืมตั้งแต่ยังหนุ่มสาว มาฝึกสมอง ออกกำลังกายความคิด กระตุ้นให้สมองฟิต สดชื่นปลอดโปร่งกับ 5 วิธีนี้เลย

อ่านเพิ่มเติม
Card Image
เช็กด่วน! ปวดหัวข้างเดียวแบบนี้ ใช่ไมเกรนหรือไม่

ชวนคุณมารู้ให้ลึกเรื่องของหัวจะปวด กับปวดหัวไมเกรน สาเหตุกระตุ้นเกิดจากอะไร ไมเกรนมีกี่แบบ วิธีบรรเทาอาการปวดอย่างถูกต้อง และคำตอบว่าปวดไมเกรนต่างจากปวดหัวธรรมดาอย่างไร

อ่านเพิ่มเติม
Card Image
ลืมง่าย จำยาก สัญญาณเตือนโรคอัลไซเมอร์

โรคอัลไซเมอร์ภัยเงียบที่อันตรายมากกว่าการหลงลืม เกิดจากสาเหตุใดได้บ้าง เกี่ยวข้องอย่างไรกับภาวะสมองเสื่อม เช็กอาการบ่งชี้และวิธีการรักษาได้ที่นี่

อ่านเพิ่มเติม