คุ้มครองข้อมูลผู้สมัครงาน

นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับสำหรับผู้สมัครงาน

โรงพยาบาลวิมุต (“โรงพยาบาล”) มุ่งมั่นที่จะคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในฐานะที่ท่านเป็นผู้สมัครงาน  ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะได้รับการคุ้มครองตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 โรงพยาบาลในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลมีหน้าที่ตามกฎหมายในการแจ้งเอกสารฉบับนี้ให้ท่านทราบถึงวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงแจ้งให้ท่านทราบสิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลจะถูกนำไปใช้ตรงตามความต้องการ ภายใต้วัตถุประสงค์ในการสมัครงาน หรือการจ้างงาน ต่อไป โดยมีรายละเอียดดังนี้

  1. คำจำกัดความ

ในนโยบายฉบับนี้ คำหรือข้อความสามารถนิยามได้ดังนี้

คำจำกัดความ

ความหมาย

1. ข้อมูลระบุตัวตน (Personal data)

หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ

2. ข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหว (Sensitive Data)

หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ (เช่น ข้อมูลภาพจำลองใบหน้า ข้อมูลจำลองม่านตา ข้อมูลจำลองลายนิ้วมือ) หรือข้อมูลอื่นใดที่กระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด

3. ประมวลผล

หมายถึง การเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านผู้เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

4. ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล

หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลที่มีอำนาจในการตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

5. ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล

6. ผู้สมัครงาน

หมายถึง บุคคลที่สมัครใจเข้ารับการคัดเลือกเป็นบุคลากรของโรงพยาบาล และลูกจ้างของโรงพยาบาล

  1. ข้อมูลส่วนบุคคลที่โรงพยาบาลเก็บรวบรวม สามารถจำแนกเป็นประเภทดังต่อไปนี้

ประเภทข้อมูลส่วนบุคคล

รายละเอียด

1. ข้อมูลระบุตัวตน

เช่น ชื่อ นามสกุล รูปถ่ายใบหน้า เพศ วันเดือนปีเกิด อายุ สัญชาติ หนังสือเดินทาง หมายเลขบัตรประชาชน หรือหมายเลขที่ระบุตัวตนอื่น ๆ

2. ข้อมูลสำหรับการติดต่อ

เช่น ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล

3. ข้อมูลเกี่ยวกับการทำงาน

เช่น ตำแหน่งหรือฐานะ ตำแหน่งงาน แผนกงาน ประวัติส่วนตัว ประวัติการจ้างงาน ข้อมูลประวัติการอบรมและการประเมินผลงาน สำเนาใบประกอบวิชาชีพ

4. ข้อมูลเกี่ยวกับเงินเดือนและผลประโยชน์

เช่น ข้อมูลค่าจ้าง เงินเดือน ค่าตอบแทน และสิทธิประโยชน์หรือสวัสดิการที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ จากที่ทำงานเดิม

5. ข้อมูลด้านสุขภาพ

เช่น ใบรับรองแพทย์ ผลตรวจสุขภาพ ประวัติสุขภาพ

6. ข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นข้อมูลอ่อนไหว

เช่น  ข้อมูลสุขภาพ ข้อมูลประวัติอาชญากรรม เป็นต้น

ทั้งนี้ โรงพยาบาลไม่มีนโยบายจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นข้อมูลอ่อนไหวของท่าน เว้นแต่โรงพยาบาลได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่านหรือกรณีอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนด

     
  1. แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล
    1. ข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้โดยตรงจากท่าน ได้แก่ ใบสมัครงานที่ท่านส่งให้โรงพยาบาลโดยการเข้ามาสมัครด้วยตนเองที่โรงพยาบาล การสมัครผ่านเว็บไซต์ของโรงพยาบาล หรือใส่ข้อมูลลงในระบบบริหารทรัพยากรบุคคลที่โรงพยาบาลใช้
    2. ข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับจากแหล่งอื่น ได้แก่ ใบสมัครงานที่ท่านส่งให้องค์กรอื่นที่ให้บริการจัดหางาน หรือจากหน่วยงานที่ให้บริการจัดหางาน
  2. วัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

โรงพยาบาลมีวัตถุประสงค์ในเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลของผู้สมัครงานและบุคลากรของโรงพยาบาลโดยอาศัยหลักเกณฑ์หรือฐานทางกฎหมายดังต่อไปนี้เพื่อเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล ดังต่อไปนี้

ลำดับ

วัตถุประสงค์

ฐานการประมวลผล

  1.  

เพื่อการพิจารณารับสมัครงาน สัมภาษณ์ และคัดเลือกบุคคลเข้ามาทำงานเพื่อเป็นพนักงานตามเกณฑ์ของโรงพยาบาล

เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญา  (ม.24(3))

  1.  

เพื่อการเข้าทำและการปฏิบัติตามสัญญาจ้างและสัญญาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนการดำเนินการใด ๆ ที่จำเป็นก่อนการเข้าทำสัญญาดังกล่าว

เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญา  (ม.24(3))

  1.  

เพื่อการอนุมัติเงินเดือนและผลประโยชน์สำหรับพนักงานของโรงพยาบาล เพื่อการทำจ่ายค่าจ้าง เงินเดือน ค่าทำงานล่วงเวลา และค่าตอบแทนอื่นจากการทำงาน โบนัส และ/หรือสิทธิประโยชน์ใด ๆ ตามสัญญาจ้าง และสัญญาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องให้แก่พนักงาน

เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญา  (ม.24(3))

  1.  

เพื่อการบริหารจัดการภายในองค์กร เช่น การจัดโครงสร้างอัตรากำลัง การโอนย้าย การเปลี่ยนหน้าที่งาน การปรับระดับพนักงาน การเกษียณอายุ เป็นต้น

เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย (Legitimate Interest) ของโรงพยาบาล (ม.24(5))

 

  1.  

เพื่อวัตถุประสงค์ทางด้านสถิติและการวิเคราะห์ เพื่อการพัฒนาบุคลากรและปรับปรุงกระบวนการทำงาน เพื่อวัตถุประสงค์ในการตรวจสอบและจัดเก็บประวัติการดำเนินการทางวินัยต่อพนักงาน เพื่อการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ หรือการกำหนดมาตรการทางวินัยเมื่อจำเป็น

เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย (Legitimate Interest) ของโรงพยาบาล (ม.24(5))

 

  1.  

เพื่อการจัดทำประกันกลุ่ม/ประกันชีวิตให้กับพนักงาน/ ครอบครัวพนักงาน

1. เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย (Legitimate Interest) ของโรงพยาบาล (ม.24(5))

2. สำหรับข้อมูลสุขภาพ โรงพยาบาล จะขอความยินยอมจากท่านก่อนที่จะมีการเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลนั้น (ม.26)

  1.  

เพื่อการติดต่อสื่อสารและการประชาสัมพันธ์งานหรือกิจกรรมต่าง ๆ กับพนักงาน การจัดอบรมภายในโรงพยาบาล และการส่งฝึกอบรมภายนอก

เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย (Legitimate Interest) ของโรงพยาบาล (ม.24(5))

 

  1.  

เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตรวจประวัติอาชญากรรมก่อนเริ่มทำงาน

เมื่อได้รับความยินยอมจากท่าน (ม.26)

  1.  

เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การดำเนินคดีต่าง ๆ ตลอดจนการดำเนินการเพื่อบังคับคดีตามกฎหมาย

เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย (ม.26(4))

 

  1. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

โรงพยาบาลจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามวัตถุประสงค์ที่โรงพยาบาลได้แจ้งแก่ท่านเท่านั้น โดยโรงพยาบาลจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีดังต่อไปนี้        

    1. ผู้ให้บริการซึ่งเป็นผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่โรงพยาบาลมอบหมายหรือว่าจ้างให้ทำหน้าที่บริหารจัดการหรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่โรงพยาบาลในการให้บริการต่าง ๆ เช่น การบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล การให้บริการด้านความปลอดภัย การให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือบริการอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของโรงพยาบาลหรืออาจเป็นประโยชน์ต่อท่าน
    2. หน่วยงานราชการ หน่วยงานกำกับดูแล หรือหน่วยงานอื่นตามที่มีอำนาจตามกฎหมาย รวมถึงเจ้าพนักงานหรือหน่วยงานที่มีหน้าที่หรือใช้อำนาจตามกฎหมาย เช่น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการรับรองมาตรฐานสถานพยาบาล
    3. สำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนการบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณะสุข แพทย์สภา สภาการพยาบาล กรมสรรพากร สำนักงานประกันสังคม สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ศาล ธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นต้น
    4. หน่วยงานรัฐวิสาหกิจหรือเอกชน เช่น ธนาคาร สถาบันการเงิน บริษัทประกัน โรงพยาบาล เป็นต้น
    5. บุคคลหรือหน่วยงานอื่นใดที่ท่านให้ความยินยอมให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อบุคคลหรือหน่วยงานนั้น ๆ
  1. ระยะเวลาจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล

โรงพยาบาลจะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับจากท่านไว้ตลอดระยะเวลา  1 ปี นับแต่วันที่สมัครงาน  เพื่อพิจารณาเข้ารับการสัมภาษณ์ พิจารณาเข้าทำงานตามตำแหน่งที่เหมาะสมหรือเพื่อเป็นหลักฐานในกรณีที่เกิดข้อสงสัยหรือข้อร้องเรียน  ในกรณีที่โรงพยาบาลต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ปฏิบัติตามคำสั่งศาล หรือต้องก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมายเพื่อเข้ากระบวนการระงับข้อพิพาทใดๆ โรงพยาบาลอาจจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลได้ตามระยะเวลาของอายุความตามกฎหมายแล้วแต่กรณี ทั้งนี้ เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว โรงพยาบาลจะดำเนินการลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้

  1. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

ในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิร้องขอให้โรงพยาบาลดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามขอบเขตที่กฎหมายอนุญาตให้กระทำได้ ดังนี้

    1. ท่านมีสิทธิที่จะทราบหรือขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของโรงพยาบาล หรือขอให้โรงพยาบาลเปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอม
    2. ท่านมีสิทธิที่จะขอให้โรงพยาบาลดำเนินการแก้ไขเพื่อให้ข้อมูลถูกต้อง เป็นปัจจุบันสมบูรณ์และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดได้ในกรณีที่ท่านเห็นว่าข้อมูลส่วนบุคคลใดที่เกี่ยวกับตนไม่ถูกต้อง ไม่เป็นปัจจุบัน ไม่สมบูรณ์ หรืออาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
    3. ท่านมีสิทธิขอเพิกถอนความยินยอมที่ให้โรงพยาบาลเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของตนเมื่อใดก็ได้ เว้นแต่การเพิกถอนความยินยอมจะมีข้อจำกัดโดยกฎหมายหรือสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่าน เช่น ท่านยังมีภาระหนี้หรือภาระผูกพันตามกฎหมายอยู่กับโรงพยาบาล เป็นต้น ทั้งนี้ การเพิกถอนความยินยอมดังกล่าวอาจทำให้ท่านไม่สามารถรับบริการหรือทำธุรกรรมกับโรงพยาบาลได้ หรืออาจทำให้บริการที่จะได้รับจากโรงพยาบาลไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร
    4. ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนจากโรงพยาบาลได้ ในกรณีที่โรงพยาบาลได้ทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติและสามารถใช้หรือเปิดเผยได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้งท่านมีสิทธิขอให้โรงพยาบาลส่งหรือโอนข้อมูลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น เมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ หรือท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลที่โรงพยาบาลส่งหรือโอนข้อมูลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่สภาพทางเทคนิคไม่สามารถทำได้
    5. ท่านมีสิทธิคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนเมื่อใดก็ได้ ในกรณีดังต่อไปนี้
  1. กรณีที่เป็นข้อมูลที่เก็บรวบรวมด้วยเหตุจำเป็นเพื่อการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของโรงพยาบาล หรือเหตุจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของโรงพยาบาล 
  2. กรณีที่เป็นการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง
  3. กรณีที่เป็นการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ เว้นแต่การจำเป็นเพื่อการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของโรงพยาบาล
    1. ท่านมีสิทธิขอให้โรงพยาบาลลบ หรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลด้วยเหตุบางประการได้
    2. ท่านมีสิทธิขอให้โรงพยาบาลระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลได้ ในกรณีดังต่อไปนี้              
    1. เมื่อโรงพยาบาลอยู่ในระหว่างการตรวจสอบตามที่ท่านร้องขอให้ดำเนินการให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ หรือไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด          
    2. เมื่อเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องลบหรือทำลาย เพราะเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกประมวลผลโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ท่านขอให้ระงับการใช้แทน   
    3. เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็นที่โรงพยาบาลจะเก็บรักษา แต่ท่านมีความจำเป็นต้องขอให้โรงพยาบาลเก็บรักษาไว้เพื่อใช้ในการก่อตั้งสิทธิตามกฎหมาย การปฏิบัติตาม หรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย  
    4. ในกรณีที่ท่านใช้สิทธิคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล และโรงพยาบาลอยู่ในระหว่างการพิสูจน์เพื่อปฏิเสธการใช้สิทธิของท่าน                       
    1. ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีที่โรงพยาบาลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล รวมทั้งลูกจ้างหรือผู้รับจ้างของโรงพยาบาลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือประกาศที่ออกตามกฎหมาย

ทั้งนี้ โรงพยาบาลขอสงวนสิทธิในการพิจารณาคำร้องขอใช้สิทธิข้างต้นและดำเนินการตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด หากท่านประสงค์จะใช้สิทธิข้างต้นสามารถดำเนินการโดยแจ้งมายังฝ่ายทรัพยากรบุคคลของโรงพยาบาล

  1. มาตรการความมั่นคงปลอดภัยในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

โรงพยาบาลตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โรงพยาบาลจึงกำหนดให้มีมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันการสูญหาย การเข้าถึง ทำลาย ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยไม่มีสิทธิหรือโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพื่อให้เป็นไปตามที่กำหนดในนโยบายและ/หรือแนวปฏิบัติในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของโรงพยาบาล         

โรงพยาบาลจะจัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งครอบคลุมถึงมาตรการป้องกันด้านการบริหารจัดการ มาตรการป้องกันด้านเทคนิค และมาตรการป้องกันทางกายภาพในเรื่องการเข้าถึงหรือควบคุมการใช้งานข้อมูลส่วนบุคคล อันประกอบไปด้วยการดำเนินการดังต่อไปนี้ เป็นอย่างน้อย

      1. การควบคุมการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลและอุปกรณ์ในการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดยคำนึงถึงการใช้งานและความมั่นคงปลอดภัย
      2. การกำหนดเกี่ยวกับการอนุญาตหรือกำหนดสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล
      3. การบริหารจัดการการเข้าถึงของผู้ใช้งานเพื่อควบคุมการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลเฉพาะผู้ที่ได้รับอนุญาตแล้ว
      4. การกำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบของผู้ใช้งานเพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต การเปิดเผย การล่วงรู้ หรือการลักลอบทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคล การลักขโมยอุปกรณ์จัดเก็บหรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล และ
      5. การจัดให้มีวิธีการเพื่อให้สามารถตรวจสอบย้อนหลังเกี่ยวกับการเข้าถึง เปลี่ยนแปลง ลบ หรือถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคล ให้สอดคล้องเหมาะสมกับวิธีการและสื่อที่ใช้ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
  1. การเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัว

นโยบายความเป็นส่วนตัวนี้จัดทำขึ้นเพื่อแจ้งรายละเอียดและวิธีการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โดยโรงพยาบาลอาจดำเนินการปรับปรุงหรือแก้ไขนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดเป็นครั้งคราว เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางและหลักเกณฑ์ของกฎหมายที่มีการเปลี่ยนแปลงไป ดังนั้น ท่านจึงควรติดตามนโยบายความเป็นส่วนตัวที่กำหนดไว้นี้อยู่เสมอ

  1. ช่องทางการติดต่อ

หากท่านประสงค์จะติดต่อ หรือมีข้อสงสัย หรือต้องการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงสิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามนโยบายฉบับนี้ หรือกรณีที่พบว่ามีการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปในทางที่ไม่ชอบ ท่านสามารถติดต่อโรงพยาบาลผ่านทางช่องทางดังต่อไปนี้

โรงพยาบาลวิมุต

ที่อยู่: 500 ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร 10400

อีเมล: dpo-office@vimut.com

โทร.  02-079-0000

เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล :

(Data Protection Officer)

ที่อยู่: 500 ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร 10400

อีเมล: DPO-Office@Vimut.com หรือ Working_Group_PDPA@vimut.com

 

 

 

โดยมติคณะกรรมการโรงพยาบาล

ประกาศ ณ วันที่ 1 มิถุนายน 2565