เรื่องหัวใจเรื่องใหญ่! รักษาได้ด้วยการผ่าตัดบายพาสหัวใจ (CABG)

06 ธ.ค. 66  | ศูนย์หัวใจและหลอดเลือด
แชร์บทความ      

เรื่องหัวใจเรื่องใหญ่! รักษาได้ด้วยการผ่าตัดบายพาสหัวใจ (CABG)

การผ่าตัดรักษาโรคหัวใจที่เกี่ยวข้องกับหลอดเลือดหัวใจ จำเป็นต้องใช้วิธีการผ่าตัดที่มีประสิทธิภาพพร้อมด้วยความชำนาญของแพทย์ เพราะโครงสร้างภายในของหัวใจนั้นเชื่อมโยงกับทุกส่วนของร่างกายจึงมีความยากและซับซ้อนเป็นพิเศษ วิธีการผ่าตัดบายพาสหัวใจ (Coronary Artery Bypass Grafting: CABG) หรือการผ่าตัดทำทางเบี่ยงเส้นเลือดหัวใจ จึงเป็นการผ่าตัดที่เหมาะสมและทันสมัยต่อการนำมารักษาโรคหลอดเลือดหัวใจเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งวิธีการผ่าตัดจะมีขั้นตอน และการเตรียมตัวอย่างไร ติดตามพร้อมกันได้ในบทความนี้ 

การผ่าตัดบายพาสหัวใจ (Coronary Artery Bypass Grafting: CABG) 

เป็นวิธีการที่ใช้ในการรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจที่ตีบหรืออุดตันอันเนื่องมาจากการสะสมของคราบไขมันที่ผนังหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดตีบและแคบ จนการไหลเวียนของเลือดลดลง ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการเจ็บหน้าอก รู้สึกแน่น หนักๆ ที่กลางหน้าอก และเหนื่อยหอบง่ายโดยเฉพาะเวลาออกแรงมาก หรืออาจเกิดขณะทำกิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ ถ้าโรคมีความรุนแรงมากขึ้นอาจนำไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลวได้ การผ่าตัดนี้จึงเป็นการทำเส้นทางใหม่เพื่อให้เลือดไหลไปเลี้ยงหัวใจได้ดีขึ้น และหัวใจกลับมาทำงานได้ดีขึ้น ลดอาการเหนื่อยหอบ แน่นหน้าอก และลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะน้ำท่วมปอด

ผ่าตัดบายพาสหัวใจเหมาะกับใคร หรืออาการแบบไหนควรทำ?  

การผ่าตัดบายพาสหัวใจ เป็นวิธีการผ่าตัดเพื่อรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบรุนแรง โดยทั่วไปแพทย์โรคหัวใจจะเลือกการรักษาด้วยวิธีการนี้ ในกรณีต่างๆ ดังนี้ 

  1. มีอาการจากการตีบตันของหลอดเลือดโคโรนารี ที่ไม่สามารถรักษาโดยการใส่ขดลวดค้ำยันได้ เนื่องจากรอยโรคมีหินปูนแคลเซียมสะสมมาก 
  2. มีการตีบของหลอดเลือดหัวใจโคโรนารีที่รุนแรงหลายเส้น หรือหลายตำแหน่ง หรือมีรอยโรคที่บริเวณต้นขั้วของเส้นเลือดหัวใจด้านซ้าย
  3. รอยโรคดังกล่าวไม่สามารถทำการรักษาโดยการขยายเส้นเลือดหัวใจที่ตีบด้วยบอลลูนได้ หรือทำบอลลูนแล้วไม่สำเร็จ 
  4. ได้รับการวินิจฉัยโรคลิ้นหัวใจตีบ หรือรั่วในระดับปานกลางถึงรุนแรง ซึ่งต้องอาศัยการรักษาด้วยการผ่าตัดลิ้นหัวใจด้วยเช่นกัน
  5. ได้รับการวินิจจัยโรคเส้นเลือดใหญ่ในทรวงอกโป่งพอง ซึ่งต้องอาศัยการรักษาด้วยการผ่าตัดเช่นกัน
  6. ภาวะอื่นๆ ตามการวินิจฉัยของศัลยแพทย์

วิธีการผ่าตัดบายพาสหัวใจ (Coronary Artery Bypass Grafting: CABG) ทำได้กี่วิธี? 

การผ่าตัดบายพาสหัวใจแบ่งออกเป็น 2 วิธี โดยศัลยแพทย์หัวใจจะทำการวินิจฉัยและเลือกใช้วิธีการผ่าตัดที่เหมาะสมที่สุดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีต่อผู้ป่วยแต่ละราย 

  1. การผ่าตัดบายพาสหลอดเลือดหัวใจ โดยใช้เครื่องปอดและหัวใจเทียม (On-Pump Coronary Artery Bypass Grafting: CABG) เป็นวิธีการผ่าตัดที่ศัลยแพทย์จะหยุดการเต้นของหัวใจผู้ป่วยระหว่างการผ่าตัด และใช้เครื่องปอดและหัวใจเทียมมาช่วยเพื่อคงการไหลเวียนเลือดทั่วร่างกาย 
  2. การผ่าตัดบายพาสหลอดเลือดหัวใจ โดยไม่ใช้เครื่องปอดและหัวใจเทียม (Off-Pump Coronary Artery Bypass Grafting: OPCAB) เป็นการผ่าตัดที่ศัลยแพทย์จะไม่หยุดหัวใจผู้ป่วยระหว่างการผ่าตัด ไม่ใช้เครื่องปอดและหัวใจเทียม แต่จะใช้เครื่องมือที่ช่วยให้บริเวณที่ผ่าตัดหยุดนิ่งเพื่อให้สามารถทำการผ่าตัดได้สะดวก ซึ่งศัลยแพทย์หัวใจและทรวงอกจะเป็นผู้พิจารณา

ขั้นตอนการผ่าตัดบายพาสหัวใจ (Coronary Artery Bypass Grafting: CABG) 

  1. ทำความสะอาดร่างกายผู้ป่วยเพื่อป้องกันและลดโอกาสการติดเชื้อจากการผ่าตัด
  2. แพทย์จะวางยาสลบก่อน จากนั้นจะทำการตรวจวัดความดันโลหิต ตรวจการเต้นของหัวใจ และใช้เครื่องช่วยหายใจ ใส่สายสวนต่างๆ เข้าสู่ร่างกาย เพื่อใช้ตรวจติดตามสัญญาณชีพของผู้ป่วยระหว่างการผ่าตัด
  3. ในกรณีที่แพทย์เลือกการผ่าตัดบายพาสแบบหยุดการเต้นของหัวใจ แพทย์จะต่อเครื่องปอดและหัวใจเทียม และนำหลอดเลือดดำ หรือหลอดเลือดแดงมาต่อกับเครื่อง 
  4. ศัลยแพทย์จะเริ่มหาเส้นเลือดตามส่วนต่างๆ ในร่างกาย และเตรียมเส้นเลือดให้พร้อมสำหรับการผ่าตัดบายพาส
  5. แผลผ่าตัดจะอยู่บริเวณกึ่งกลางหน้าอก แพทย์จะนำเส้นเลือดที่ได้เตรียมไว้มาต่อปลายเข้ากับเส้นเลือดแดงใหญ่เอออร์ตา (Aorta) ที่ออกมาจากขั้วหัวใจ 
  6. จากนั้นแพทย์จะทำทางเบี่ยงข้ามหลอดเลือดแดงส่วนที่ตีบตันเข้ากับเส้นเลือดหัวใจเดิมของผู้ป่วย เพื่อให้เลือดไหลผ่านเส้นเลือดที่ต่อใหม่ได้ ทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานของหัวใจกลับมาเป็นปกติ 

ก่อนผ่าตัดเตรียมตัวอย่างไร 

การผ่าตัดบาสพาสหัวใจนับว่าเป็นการผ่าตัดใหญ่ ผู้ป่วยจึงควรปฏิบัติและเตรียมความพร้อมของร่างกายตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ดังนี้

  • หยุดการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
  • เข้าพักที่โรงพยาบาลก่อนรับการผ่าตัด เพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อม
  • รับประทานอาหารและยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด 
  • ทำความเข้าใจและตรวจความพร้อมก่อนผ่าตัด โดยศัลยแพทย์หัวใจและทรวงอก และวิสัญญีแพทย์

ข้อแนะนำในการดูแลร่างกายหลังผ่าตัดบายพาสหัวใจ 

  • ส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะพักในห้อง ไอ.ซี.ยู ประมาณ 2-4 วัน และพักในโรงพยาบาลต่อเนื่องอีกประมาณ 5-7 วันหลังผ่าตัด อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาพักฟื้นอาจใช้เวลานานกว่านี้ขึ้นอยู่กับผู้ป่วยแต่ละราย 
  • รับประทานอาหารจำพวกปลา เนื้อสัตว์ นม ไข่ และอาหารประเภทผัก ผลไม้ เพื่อเสริมร่างกายให้แข็งแรง
  • ปกติแผลจะติดประสานกันภายใน 7 วัน แต่แผลผ่าตัดบริเวณหน้าอก กระดูกสันอกจะสมานหรือติดกันสนิทภายใน 4-8 สัปดาห์ ระหว่างนี้ห้ามแกะเกาแผลผ่าตัด และหลังอาบน้ำควรซับแผลให้แห้ง หากมีอาการผิดปกติให้มาพบแพทย์ทันที 
  • อาการเจ็บแผลผ่าตัดจะค่อยๆ ลดลง ควรรับประทานยาแก้ปวดตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ หรือวันละ 6-8 ชั่วโมง
  • ฝึกการหายใจภายใต้การดูแลของแพทย์และนักกายภาพบำบัด เพื่อช่วยบริหารปอด เพิ่มความแข็งแรงและสมรรถภาพของปอดและหัวใจ
  • การลุกเดินภายใต้การดูแลของแพทย์และนักกายภาพบำบัด จะช่วยให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น เป็นการบริหารร่างกายที่ช่วยให้ฟื้นฟูได้เร็วยิ่งขึ้น รวมถึงลดความเครียดได้

ขึ้นชื่อว่าการผ่าตัดหัวใจอาจเป็นเรื่องใหญ่และน่ากังวลสำหรับหลายคน แต่ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น วิธีการผ่าตัดหัวใจในปัจจุบันมีจึงไม่น่าหวาดกลัวเหมือนในอดีตอีกต่อไป อีกทั้งยังสามารถมอบคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ผู้ป่วยและกลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติได้ดีเช่นเดิม 

 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและนัดหมายแพทย์ได้ที่ 

ศูนย์หัวใจและหลอดเลือด  ชั้น 6  โรงพยาบาลวิมุต 

เวลาทำการ 08.00-17.00 น. โทร. 0-2079-0040  

หรือดาวน์โหลด ViMUT Application เพื่อนัดหมายแพทย์ หรือบริการปรึกษาหมอออนไลน์

ทุกปัญหาสุขภาพ ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางออนไลน์ ที่พร้อมดูแลคุณด้วยความใส่ใจ

ผู้เขียน
นพ. ศรัณย์พงศ์ ภิบาลญาติ อายุรแพทย์ผู้ชำนาญการโรคหัวใจ

เรื่องสุขภาพน่ารู้ที่เกี่ยวข้อง

Card Image
5 โรคหัวใจที่คุณควรรู้ สาเหตุเกิดจากอะไร เช็กอาการเสี่ยงก่อนสาย!

อาการแน่นหน้าอก เจ็บหัวใจ เหนื่อยง่าย อาจเสี่ยงเป็นโรคหัวใจได้ ซึ่งโรคหัวใจต่างก็ถูกแบ่งออกไปได้อีกหลายโรคและเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ แต่จะมีอะไรบ้างไปดูกัน

อ่านเพิ่มเติม
Card Image
5 ท่าออกกำลังกาย สร้างสุขภาพดี หัวใจแข็งแรงได้ด้วยตัวเอง

มาดูแลหัวใจให้แข็งแรง ด้วย 5 ท่าออกกำลังกายบริหารหัวใจ ที่จะช่วยให้หัวใจของคุณมีสุขภาพแข็งแรง รับรองว่าดีต่อร่างกายและดีต่อใจอย่างแน่นอ

อ่านเพิ่มเติม
Card Image
ชวนเช็กอาการ เจ็บหน้าอกแบบนี้… อาจเสี่ยงโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ

เจ็บหน้าอก ใจสั่น อย่าวางใจ เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณเตือน “โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ หรือเส้นเลือดหัวใจตีบ” ได้ มาสังเกตอาการพร้อมข้อมูลเกี่ยวกับโรคนี้เพื่อการดูแลและป้องกันอย่างถูกวิธีกัน

อ่านเพิ่มเติม
Card Image
อย่าปล่อยไขมันในเลือดสูงปรี๊ด ถ้าไม่อยากเสี่ยงสารพัดโรค

ไขมันในเลือดสูง ภาวะอันตรายที่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของโรคเรื้อรังได้ในอนาคต มาเริ่มต้นทำความรู้จักและปรับพฤติกรรม เพื่อลดโอกาสเกิดไขมันในเลือดสูงไปพร้อมกันในบทความนี้

อ่านเพิ่มเติม

แนะนำแพ็กเกจที่เกี่ยวข้อง