ระวัง! “ไอกรน” โรคติดต่อที่ทำให้ลูกรักไอไม่หยุด เสี่ยงถึงชีวิต

25 มิ.ย. 67  | ศูนย์กุมารเวช
แชร์บทความ      

อาการโรคไอกรน โรคติดต่ออันตรายในเด็กเล็ก

“ไอกรน” โรคติดต่อที่ทำให้ไอไม่หยุด ที่พ่อแม่ต้องเฝ้าระวัง !

หากลูกน้อยของคุณพ่อคุณแม่มีอาการไอแห้งๆ ไข้ต่ำๆ ติดต่อกันนานหลายวัน ต้องระวัง “โรคไอกรน” โรคติดต่อสำคัญที่เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตในเด็กเล็ก เพื่อรู้ให้เท่าทันโรคและให้ลูกรักปลอดภัยจากโรคไอกรน ชวนคุณพ่อคุณแม่มาดูกันว่าโรคไอกรนมีอาการอย่างไร สาเหตุมาจากอะไร การรักษาและวิธีป้องกันที่คุณพ่อคุณแม่สามารถทำได้เป็นอย่างไรมาฝากกัน

โรคไอกรน คืออะไร มีสาเหตุมาจากอะไร

โรคไอกรน (Whooping Cough) เป็นโรคติดต่อระบบทางเดินหายใจที่พบเจอได้ทุกวัย โดยเฉพาะในทารกและเด็กเล็ก ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Bordetella Pertussis (B. Pertussis) ที่ติดต่อได้ง่ายผ่านการไอ จาม หรือการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ที่มีเชื้อโดยเฉพาะจากผู้ใหญ่ในครอบครัว ซึ่งอาจจะไม่มีอาการ หรืออาการแสดงน้อย โดยเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้มักพบได้ที่บริเวณลำคอและหลังโพรงจมูก ทำให้เกิดการอักเสบที่เยื่อบุทางเดินหายใจและเกิดอาการไอ ซึ่งมีลักษณะอาการพิเศษที่สามารถสังเกตได้ชัดเจนคือการไอติดๆ กัน ไอจนหายใจไม่ทัน และเมื่อหายใจเข้าจะได้ยินเสียงวู๊ปๆ สลับกันแบบนี้เป็นชุดๆ

อาการโรคไอกรนเป็นอย่างไร

หลังจากได้รับเชื้อแบคทีเรีย (B. Pertussis) จะมีระยะฟักตัว 7-10 วัน หรือนานได้ถึง 20 วัน ก่อนจะปรากฎอาการดังนี้

อาการโรคไอกรน

1. อาการไอกรนระยะแรก

จะเป็นช่วงที่แยกโรคได้ยาก เพราะอาการที่แสดงออกนั้นคล้ายคลึงกับไข้หวัดธรรมดา ซึ่งมีอาการเริ่มต้นดังนี้

  • อาการไอ
  • น้ำมูกเล็กน้อย 
  • อาจมีไข้ต่ำๆ หรือไม่มีไข้เลยก็ได้ 

จากนั้นอาการไอจะเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจะมีอาการอยู่ประมาณ 1-2 สัปดาห์ และมักเป็นอาการไอแบบแห้งๆ ซึ่งในระยะนี้เป็นระยะที่แพร่เชื้อได้มากที่สุด

2. อาการไอกรนระยะรุนแรง

เป็นระยะที่อาการไอกรนเด่นชัดที่สุดและสามารถเป็นนาน 2-4 สัปดาห์ โดยมีอาการดังนี้ 

  • ไอซ้อนๆ ไอถี่ๆ ติดกันเป็นชุด สลับกับการหายใจเข้าอย่างรุนแรงจนเกิดเสียงวู๊ปๆ 
  • บางคนไอจนตาแดง น้ำมูก น้ำตาไหล ตาถลน ลิ้นจุกปาก เส้นเลือดคอโป่งพอง หรืออาเจียนได้ เพื่อขับเสมหะที่เหนียวข้นออกมา
  • ในเด็กอายุน้อยกว่า 6 เดือน อาจมีอาการหน้าเขียว ตัวเขียว จากการหยุดหายใจ หรือจากเสมหะอุดตันทางเดินหายใจ

3. อาการไอกรนระยะฟื้นตัว

เป็นระยะที่ความรุนแรงของอาการทั้งหมดลดลง แต่จะยังคงมีอาการไอติดต่อกันต่อเนื่องไปอีก 2-3 สัปดาห์ และถ้าไม่มีภาวะแทรกซ้อนอะไรเพิ่มเติมก็จะหายจากโรคได้ใน 6-10 สัปดาห์

อาการที่ควรระวัง และโรคแทรกซ้อนอันตรายที่มาพร้อมโรคไอกรน

  • ปอดแฟบ อาการที่เกิดจากเสมหะที่เหนียวข้นไปอุดตันหลอดลมและถุงลม
  • ปอดอักเสบ อาการแทรกซ้อนสำคัญที่ทำให้เสี่ยงต่อชีวิตในเด็ก
  • อาการชัก จากเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ

วิธีการรักษาโรคไอกรน

วิธีรักษาโรคไอกรน

  • ยาปฏิชีวนะ โดยยาจะทำงานได้ดีในช่วง 7 วันแรก และช่วยลดความรุนแรงของโรคได้ถ้าตรวจวินิจฉัยไวและให้ยารักษาได้ทัน เพราะการให้ยาในระยะที่มีอาการไอหนักแล้วจะไม่ค่อยได้ผล
  • รักษาตามอาการ โดยการให้ยาตามอาการที่เป็น รวมไปถึงพักผ่อนให้เพียงพอ, ดื่มน้ำอุ่น, อยู่ในห้องที่อากาศถ่ายเทได้ดี
  • เลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เกิดอาการไอ เช่น การออกแรง, ร้องไห้, อยู่ในที่ๆ มีฝุ่น หรือควัน, อยู่ในอากาศที่เย็นจัด หรือร้อนจัด

โรคไอกรนสามารถป้องกันได้ ด้วยการเข้ารับวัคซีนพื้นฐานให้ครบ

ปัจจุบันวัคซีนไอกรนถูกจัดให้เป็นวัคซีนพื้นฐานที่ต้องเข้ารับ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและลดความรุนแรงของโรคในอนาคต โดยวัคซีนโรคไอกรนควรเข้ารับให้ครบตามช่วงอายุ ดังนี้

  • ครั้งที่ 1 เมื่อมีอายุ 2 เดือน
  • ครั้งที่ 2 เมื่อมีอายุ 4 เดือน
  • ครั้งที่ 3 เมื่อมีอายุ 6 เดือน
  • ครั้งที่ 4 เมื่อมีอายุ 18 เดือน 
  • ครั้งที่ 5 ฉีดกระตุ้นเมื่ออายุ 4 ปี

และเพราะในปัจจุบันเรามีวัคซีนพื้นฐานสำหรับเด็กในการป้องกันโรคไอกรนแล้ว จึงทำให้อุบัติการณ์ในการพบเจอโรคนี้น้อยลง แต่ทั้งนี้ก็ใช่ว่าจะไม่มีเลย ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความใส่ใจกับวัคซีนเพื่อลูกน้อยที่คุณรักให้ครบถ้วน และหากพบว่ามีคนในครอบครัวป่วย หรือสัมผัสกับเชื้อโรคไอกรนมา ควรส่วมหน้ากากอนามัย แยกกักตัวเฝ้าระวังอาการ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคนี้

 

ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและนัดหมายแพทย์ 
ศูนย์กุมารเวช ชั้น 3  โรงพยาบาลวิมุต 
เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง โทร. 0-2079-0038 
หรือดาวน์โหลด ViMUT Application เพื่อนัดหมายแพทย์ หรือบริการปรึกษาหมอออนไลน์

ทุกปัญหาสุขภาพ ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางออนไลน์ ที่พร้อมดูแลคุณด้วยความใส่ใจ

ผู้เขียน
พญ.สุธิดา ชินธเนศ แพทย์ผู้ชำนาญการโรคระบบการหายใจในเด็ก

แนะนำแพทย์ที่เกี่ยวข้อง

Card Image
พญ.สุธิดา
ชินธเนศ
กุมารแพทย์
แพทย์ผู้ชำนาญการโรคระบบการหายใจในเด็ก

เรื่องสุขภาพน่ารู้ที่เกี่ยวข้อง

Card Image
ลูกของคุณเสี่ยงมีพฤติกรรมคล้าย-ออทิสติกหรือไม่?

พฤติกรรมคล้ายออทิสติกหรือในสื่อสังคมมักเรียกว่า “ออทิสติกเทียม” เป็นภาวะที่เด็กขาด “การกระตุ้น” ในการสื่อสารสองทางโรคออทิสติก เกิดจากความผิดปกติของสมองเด็กตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ในขณะที่อาการออทิสติกเทียมจะเกิดจาก "ขาดการกระตุ้น" เป็นหลัก

อ่านเพิ่มเติม
Card Image
เตรียมลูกรักให้ Ready เมื่อเปิดเทอมนี้ Covid มาเยือน

ช่วงที่ลูกต้องเรียนออนไลน์คุณพ่อแม่ก็วุ่นวายไปอีกแบบ แต่พอลูกน้อยไปโรงเรียนในสภาวะแบบนี้ความวุ่นวายก็กลับกลายเป็นความกังวล

อ่านเพิ่มเติม
Card Image
เด็กนอนกรน... อาจไม่ใช่เรื่องเล็กๆ อันตรายที่ต้องรีบเช็กด่วน

ฝันร้ายของลูกน้อย... อาจมาจากเสียงเด็กนอนกรน! ที่อาจเสี่ยงหยุดหายใจขณะหลับ ชวนไขข้อข้องใจเรื่อง "นอนกรนในเด็ก" ที่พ่อแม่ควรรู้! เกิดจากอะไร กำลังบอกอะไรและอันตรายอย่างไร

อ่านเพิ่มเติม
Card Image
ส่องสุขภาพเด็กอ้วนที่น่ารัก กับความอันตรายที่แอบแฝง

ในเด็กอ้วนที่ดูน่ารัก อาจกำลังเป็นเด็กที่เสี่ยงกับโรคอ้วนในเด็กได้ ชวนคุณพ่อคุณแม่มาดูอันตรายแฝงที่แอบซ่อนอยู่ในเด็กอ้วน พร้อมแนวทางการรักษากันได้ที่นี่

อ่านเพิ่มเติม

แนะนำแพ็กเกจที่เกี่ยวข้อง