อย่าละเลยอาการท้องอืด ปวดท้อง แน่นท้อง ปวดใต้ลิ้นปี่ ที่ดูผิวเผินอาจคล้ายกับอาการอาหารไม่ย่อย หรือโรคกระเพาะอาหาร ถึงอาการปวดจะทุเลาและหายไปในเวลาไม่นาน แต่แท้จริงแล้วนั้นอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรค ‘นิ่วในถุงน้ำดี’ โดยเฉพาะสายบุฟเฟ่ต์ ปิ้งย่าง และฟาสต์ฟู้ด ที่ชอบรับประทานอาหารไขมันสูงยิ่งต้องรู้!
ถุงน้ำดีสำคัญอย่างไร แล้วนิ่วในถุงน้ำดี คืออะไร ?
ถุงน้ำดีเป็นอวัยวะที่ช่วยย่อยตัวหนึ่ง ที่ทำหน้าที่เป็นจุดกักเก็บน้ำดีที่ถูกสร้างจากตับมาพักไว้ชั่วคราว ซึ่งไม่ได้มีหน้าที่ผลิตน้ำดีโดยตรง เมื่อเรารับประทานอาหารน้ำดีเหล่านี้จะถูกขับออกมาคลุกเคล้าไปพร้อมๆ กัน เพื่อย่อยไขมันที่ได้รับประทานเข้าไป ดังนั้น แม้ร่างกายไม่มีถุงน้ำดีก็ยังสามารถผลิตน้ำดีจากตับ และไหลตามท่อน้ำดีไปยังลำไส้เล็กเพื่อย่อยไขมันได้ ไม่ทำให้น้ำดีขาดหายจากร่างกายไปแต่อย่างใด เพียงแต่ความเข้มข้นของน้ำดีจะลดลง รวมถึงมีประสิทธิภาพในการย่อยไขมันได้ลดลงด้วย ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
ส่วนนิ่วในถุงน้ำดี หรือ Gall Stone เป็นโรคในระบบทางเดินน้ำดีที่พบได้บ่อยถึงร้อยละ 10-20 ของจำนวนประชากร มีลักษณะเป็นก้อนแข็งคล้ายกรวดอยู่ภายในถุงน้ำดี หากการทำงานของถุงน้ำดีผิดปกติอาจพบอาการตั้งแต่ ปวดท้อง ท้องอืด อาหารไม่ย่อย ซึ่งส่วนมากมักเข้าใจผิดว่าตนเองเป็นโรคกระเพาะอาหารและเลือกรับประทานยาด้วยตัวเอง แต่หากก้อนนิ่วไปอุดตันในท่อน้ำดีใหญ่ อาการปวดที่พบจะรุนแรงมากขึ้น อาจส่งผลให้ตับอ่อนอักเสบ ถุงน้ำดีเป็นหนอง ท่อน้ำดีติดเชื้อ ผู้ป่วยมักมีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง ซึ่งเป็นอันตรายร้ายแรงถึงแก่ชีวิตได้
สาเหตุการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี
นิ่วที่มีลักษณะเป็นก้อนตะกอนแข็งในถุงน้ำดีนั้นเกิดจากส่วนประกอบทางเคมีของน้ำดีขาดสมดุล โดยเฉพาะเมื่อคอเลสเตอรอล และบิลิรูบิน (สารให้สีในน้ำดี) ตกตะกอนเป็นผลึก แล้วมีหินปูนที่เกิดจากแคลเซียมมาร่วมจับตัว ทำให้เกิดเป็นก้อนนิ่วที่มีขนาดเริ่มต้นตั้งแต่เท่าเม็ดทราย ไปจนถึงขนาดใหญ่เท่าลูกกอล์ฟได้ ซึ่งปริมาณที่พบอาจมีเพียงก้อนเดียว ถึงหลายร้อยก้อนอยู่ในถุงน้ำดี โดยเราสามารถแบ่งนิ่วในถุงน้ำดีได้เป็น 3 ชนิด ดังนี้
- นิ่วจากคอเลสเตอรอล (Cholesterol Stones) พบได้ในผู้ป่วยโรคนิ่วในถุงน้ำดีมากถึงร้อยละ 80 เกิดจากคอเลสเตอรอลที่เพิ่มมากขึ้นในถุงน้ำดี และตกตะกอนไขมัน ก้อนนิ่วอาจเป็นสีเหลือง ขาว เขียว
- นิ่วจากเม็ดสี (Pigment Stones) เกิดจากความผิดปกติของเลือด มักพบในผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของเลือด หรือผู้ป่วยโรคตับแข็ง ก้อนนิ่วชนิดนี้จึงมีขนาดเล็กและอาจเป็นสีคล้ำดำ
- นิ่วโคลน (Mixed Gallstones) เกิดจากการติดเชื้อใกล้ตับ ตับอ่อน และท่อน้ำดี นิ่วจึงมีลักษณะคล้ายโคลน ที่เหนียวและหนืด
ปัจจัยเสี่ยงให้เกิดนิ่วในถุงน้ำดี
- เพศและอายุ ในเพศหญิงมีความเสี่ยงมากกว่าเพศชาย 2-3 เท่า และเพิ่มขึ้นอีกเมื่ออายุ 40-60 ปี
- ความอ้วน ภาวะอ้วนคือสาเหตุหลักที่ทำให้คอเลสเตอรอลในน้ำดีเพิ่มมากขึ้น การบีบตัวของถุงน้ำดีลดลง เกิดเป็นนิ่วที่มีคอเลสเตอรอล ยิ่งรับประทานอาหารหวานมันเป็นประจำยิ่งเสี่ยงสูง
- พันธุกรรม หากพบว่ามีบุคคลในครอบครัวเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดี มีความผูกพันทางสายเลือด อาจมีความเสี่ยงในการเกิดโรคมากขึ้นไปด้วย
- ฮอร์โมนเอสโตรเจนที่เพิ่มขึ้นและมีความแปรปรวนในผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ หรือผ่านการตั้งครรภ์แล้ว รวมถึงการรับประทานยาคุมกำเนิดและฮอร์โมนทดแทน อาจทำให้คอเลสเตอรอลสูงจนถุงน้ำดีไม่สามารถขับออกจนหมดได้
- การได้ยาลดไขมันในเลือดบางชนิด แม้จะทำหน้าที่ลดคอเลสเตอรอลในร่างกาย แต่ขณะเดียวกันอาจเพิ่มปริมาณคอเลสเตอรอลในถุงน้ำดีเช่นกัน
- ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ที่ระดับไขมันชนิดไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง มีน้ำตาลในเลือดสูงมากๆ ถุงน้ำดีจะมีการบีบตัวน้อยกว่าปกติ กลายเป็นน้ำดีคั่งค้างอยู่ถุงน้ำดีนั้น และเริ่มกระบวนการตกตะกอนกลายเป็นก้อนนิ่วแทน
- การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว ทำให้ร่างกายเร่งสลายไขมัน ตับจึงหลั่งคอเลสเตอรอลออกมามากขึ้น และไหลลงไปพักปนกับน้ำดีในถุง เมื่อถุงน้ำดีมีคอเสสเตอรอลลงไปปะปนจึงบีบตัวได้น้อยลง
- การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง และเส้นใยต่ำเป็นประจำ ส่งผลให้คอเลสเตอรอลในน้ำดีสูงตาม เมื่อร่างกายย่อยสลายไม่ทันจึงทำให้เกิดนิ่วจากคอเลสเตอรอลสะสมจนสุขภาพของถุงน้ำดีแย่ลง
ชวนสังเกตอาการส่อโรคนิ่วในถุงน้ำดี มีลักษณะอาการอย่างไรบ้าง ?
อาการเมื่อมีนิ่วในถุงน้ำดีช่วงแรกอาจยังไม่แสดงออกชัดเจน หรือมีอาการแต่ไม่รุนแรงนัก แต่มักพบได้หลังรับประทานอาหาร โดยเฉพาะอาหารที่มีไขมันสูง ผู้ป่วยอาจรู้สึกถึงความผิดปกติของร่างกายอยู่ 1-2 ชั่วโมง ก่อนจะหายไปเอง โดยสังเกตอาการได้ ดังนี้
- มีปัญหาในระบบทางเดินอาหาร แน่นท้อง ท้องอืด ท้องมีลมมาก แสบร้อนกลางอก อาหารไม่ย่อย
- ปวดท้อง จุกแน่น บริเวณลิ้นปี่ และอาจปวดร้าวไปบริเวณสะบักด้านขวา (ประมาณ 1-2 ชั่วโมง และหายไป)
- อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ร่วมด้วย
เมื่อก้อนนิ่วในถุงน้ำดีสะสมมากขึ้น อาการที่พบจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและรุนแรงขึ้น มีโอกาสที่ก้อนนิ่วจะหลุดไปค้างในท่อน้ำดี หรือเกิดภาวะถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลันได้ทุกเวลา ซึ่งเป็นอันตรายร้ายแรง นอกจากอาการข้างต้นแล้วยังสามารถสังเกตอาการเพิ่มได้ดังนี้
- ปวดท้อง จุกแน่น เช่นข้างต้นแต่ยาวนานกว่า 4 – 6 ชั่วโมง
- ปวดท้องแบบรุนแรง จุกเสียดมากบริเวณลิ้นปี่หรือใต้ชายโครงด้านขวา ขยับตัวได้ยากเนื่องจากอาการปวด
- มีภาวะดีซ่าน ตัวเหลือง ตาเหลือง
- หากมีถุงน้ำดีอักเสบ อาจมีไข้ หนาวสั่น ร่วมกับอาการข้างต้น
ปวดท้องบ่อย แต่จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นนิ่วในถุงน้ำดี ?
การตรวจวินิจฉัยโรคนิ่วในถุงน้ำดีทำได้ไม่ยาก โดยแพทย์จะให้ทำการอัลตราซาวนด์ช่องท้องส่วนบน เพื่อให้เห็นรายละเอียด ขนาด และจำนวนของก้อนนิ่วภายในถุงน้ำดีได้อย่างชัดเจน ซึ่งใช้เวลาเพียงไม่นานก็ทราบผลแล้ว
รักษานิ่วในถุงน้ำดีมีวิธีไหนบ้าง
การรักษานิ่วในถุงน้ำดีที่เหมาะสมและเป็นมาตรฐานที่สุดในปัจจุบันคือ การผ่าตัดผ่านกล้อง (Laparoscopic cholecystectomy) ซึ่งเป็นวิธีที่ปลอดภัย ผู้ป่วยจะมีเพียงแผลผ่าตัดขนาดเล็กบริเวณหน้าท้อง ความเจ็บปวดของบาดแผลจากการผ่าตัดจะมีน้อยกว่าการผ่าตัดเปิดหน้าท้องแบบเดิมๆ ลดโอกาสติดเชื้อ ฟื้นตัวไว และกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้ในเวลาไม่นาน
จัดการนิ่วในถุงน้ำดีก่อนที่นิ่วก้อนเล็กจะกลายเป็นเรื่องใหญ่
ที่โรงพยาบาลวิมุต เราพร้อมดูแลคุณด้วยการผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดีผ่านกล้อง
ให้คุณมั่นใจด้วยเทคโนโลยีผ่าตัดผ่านกล้องที่ทันสมัย และทีมแพทย์เฉพาะทางที่มากประสบการณ์ในการผ่าตัดรักษา
หมดกังวลเรื่องอาการปวดท้อง แผลเล็ก ฟื้นตัวเร็ว สามารถรายละเอียดเพิ่มเติมได้ศูนย์ศัลยกรรม
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและนัดหมายแพทย์ได้ที่
ศูนย์ศัลยกรรม ชั้น 4 โรงพยาบาลวิมุต
เวลาทำการ 08:00 - 20:00 น. โทร. 0-2079-0040
หรือดาวน์โหลด ViMUT Application เพื่อนัดหมายแพทย์ หรือบริการปรึกษาหมอออนไลน์
ทุกปัญหาสุขภาพ ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางออนไลน์ ที่พร้อมดูแลคุณด้วยความใส่ใจ

แนะนำแพทย์ที่เกี่ยวข้อง
เรื่องสุขภาพน่ารู้ที่เกี่ยวข้อง

2 วิธีตรวจมะเร็งเต้านมด้วยตัวเองง่ายๆ ฉบับอยู่บ้านก็ทำได้
เป็นก้อนที่นม หรือจะเป็นมะเร็งเต้านมหรือเปล่า มาเช็กให้ชัวร์ว่าใช่ไหมกับวิธีตรวจมะเร็งเต้านมด้วยตัวเองง่ายๆ ที่คุณเองก็สามารถทำได้แม้ตอนอาบน้ำ

ผ่าตัดส่องกล้อง (MIS) ตรงจุด แผลเล็ก ฟื้นตัวเร็ว
ทำความรู้จักเทคโนโลยีผ่าตัดส่องกล้อง (MIS) กับผลลัพธ์ที่ให้มากกว่าการผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง แต่จะเหมาะกับการรักษาโรคใดและมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง ไปติดตามที่บทความนี้

เต้านมมีปัญหาเมื่อไหร่ ... ต้องใช้ 3 ตัวช่วย (Triple Assessment)
เต้านมมีปัญหาเมื่อไหร่ ... ต้องใช้ 3 ตัวช่วย (Triple Assessment) ปัญหาคาใจที่คนส่วนใหญ่มักจะกังวลกันก็คือ เมื่อไปถึงโรงพยาบาลแล้วกว่าจะได้การวินิจฉัยนั้นเราจะต้องพบเจอกับอะไรบ้าง?

ยิ่งอายยิ่งไม่หาย ‘ริดสีดวง’ รู้ทันรักษาได้เร็ว
ริดสีดวง ความเจ็บปวดจากการถ่ายท้อง ที่ถ่ายยาก เบ่งนาน มีเลือดปน มีก้อนเนื้อยื่นออกมา ทำให้รู้สึกปวดทรมาน แต่รักษาหายได้ เพียงแค่รู้เท่าทันและไม่อายที่จะรักษา

2 วิธีตรวจมะเร็งเต้านมด้วยตัวเองง่ายๆ ฉบับอยู่บ้านก็ทำได้
เป็นก้อนที่นม หรือจะเป็นมะเร็งเต้านมหรือเปล่า มาเช็กให้ชัวร์ว่าใช่ไหมกับวิธีตรวจมะเร็งเต้านมด้วยตัวเองง่ายๆ ที่คุณเองก็สามารถทำได้แม้ตอนอาบน้ำ

ผ่าตัดส่องกล้อง (MIS) ตรงจุด แผลเล็ก ฟื้นตัวเร็ว
ทำความรู้จักเทคโนโลยีผ่าตัดส่องกล้อง (MIS) กับผลลัพธ์ที่ให้มากกว่าการผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง แต่จะเหมาะกับการรักษาโรคใดและมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง ไปติดตามที่บทความนี้

เต้านมมีปัญหาเมื่อไหร่ ... ต้องใช้ 3 ตัวช่วย (Triple Assessment)
เต้านมมีปัญหาเมื่อไหร่ ... ต้องใช้ 3 ตัวช่วย (Triple Assessment) ปัญหาคาใจที่คนส่วนใหญ่มักจะกังวลกันก็คือ เมื่อไปถึงโรงพยาบาลแล้วกว่าจะได้การวินิจฉัยนั้นเราจะต้องพบเจอกับอะไรบ้าง?

ยิ่งอายยิ่งไม่หาย ‘ริดสีดวง’ รู้ทันรักษาได้เร็ว
ริดสีดวง ความเจ็บปวดจากการถ่ายท้อง ที่ถ่ายยาก เบ่งนาน มีเลือดปน มีก้อนเนื้อยื่นออกมา ทำให้รู้สึกปวดทรมาน แต่รักษาหายได้ เพียงแค่รู้เท่าทันและไม่อายที่จะรักษา

เต้านมมีปัญหาเมื่อไหร่ ... ต้องใช้ 3 ตัวช่วย (Triple Assessment)
เต้านมมีปัญหาเมื่อไหร่ ... ต้องใช้ 3 ตัวช่วย (Triple Assessment) ปัญหาคาใจที่คนส่วนใหญ่มักจะกังวลกันก็คือ เมื่อไปถึงโรงพยาบาลแล้วกว่าจะได้การวินิจฉัยนั้นเราจะต้องพบเจอกับอะไรบ้าง?

ยิ่งอายยิ่งไม่หาย ‘ริดสีดวง’ รู้ทันรักษาได้เร็ว
ริดสีดวง ความเจ็บปวดจากการถ่ายท้อง ที่ถ่ายยาก เบ่งนาน มีเลือดปน มีก้อนเนื้อยื่นออกมา ทำให้รู้สึกปวดทรมาน แต่รักษาหายได้ เพียงแค่รู้เท่าทันและไม่อายที่จะรักษา

2 วิธีตรวจมะเร็งเต้านมด้วยตัวเองง่ายๆ ฉบับอยู่บ้านก็ทำได้
เป็นก้อนที่นม หรือจะเป็นมะเร็งเต้านมหรือเปล่า มาเช็กให้ชัวร์ว่าใช่ไหมกับวิธีตรวจมะเร็งเต้านมด้วยตัวเองง่ายๆ ที่คุณเองก็สามารถทำได้แม้ตอนอาบน้ำ

ผ่าตัดส่องกล้อง (MIS) ตรงจุด แผลเล็ก ฟื้นตัวเร็ว
ทำความรู้จักเทคโนโลยีผ่าตัดส่องกล้อง (MIS) กับผลลัพธ์ที่ให้มากกว่าการผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง แต่จะเหมาะกับการรักษาโรคใดและมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง ไปติดตามที่บทความนี้