อย่าแค่ทน! สัญญาณเตือนปวดหลังล่าง สาเหตุเกิดจากอะไรได้บ้าง ? - โรงพยาบาลวิมุต

03 ก.ย. 68  | ศูนย์กระดูกและข้อ
แชร์บทความ      

“โอ๊ย! ปวดหลัง” น่าจะเป็นประโยคติดปากยอดฮิตที่หลายคนคุ้นเคยกันดี โดยเฉพาะอาการปวดหลังส่วนล่าง ที่เป็นเหมือนปัญหาคุ้นชินของคนวัยทำงานและผู้สูงอายุ หรือแม้กระทั่งวัยเรียนในสมัยนี้ ซึ่งอาการปวดหลังล่างนี้หลายคนอาจคิดว่าเป็นแค่อาการปวดเมื่อยธรรมดาเดี๋ยวก็หาย แต่รู้ไหมว่าสามารถเป็นสัญญาณเตือนของโรคต่างๆ ได้มากมาย ตั้งแต่ปัญหากล้ามเนื้อที่ไม่รุนแรง ไปจนถึงภาวะที่ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจว่าอาการปวดหลังล่างเกิดจากอะไร บอกโรคอะไรได้บ้าง และที่สำคัญคือสัญญาณอันตรายแบบไหนที่ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

ปวดหลังล่าง คือบริเวณไหน ?

อาการปวดหลังล่าง (Lower Back Pain) คือ อาการปวดที่เกิดขึ้นบริเวณหลังส่วนล่าง ซึ่งถ้าจะระบุตำแหน่งให้ชัดเจนก็คือ บริเวณตั้งแต่ช่วงใต้ชายโครงซี่สุดท้าย ไล่ลงไปจนถึงระดับเอวและสะโพก หรือรอยต่อของก้น ซึ่งบริเวณนี้มีโครงสร้างที่ซับซ้อน ประกอบด้วยกระดูกสันหลังส่วนเอว หมอนรองกระดูก กล้ามเนื้อและเส้นประสาท ซึ่งต้องรับน้ำหนักของร่างกายส่วนบนทั้งหมด จึงเป็นจุดที่เกิดปัญหาได้ง่าย

โดยสาเหตุหลักๆ ของอาการปวดหลังล่างส่วนใหญ่ (กว่า 80%) เกิดจากปัญหาเชิงกลไก เช่น การใช้งานกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นที่ผิดปกติ แต่ก็อาจเกิดจากความเสื่อมของกระดูกสันหลัง หรือภาวะร้ายแรงอื่นๆ ได้เช่นกัน

อาการปวดหลังล่าง... มีสาเหตุเกิดจากอะไร แล้วบอกโรคอะไรได้บ้าง ?

อาการปวดหลังส่วนล่างเป็นอาการที่พบได้บ่อยมาก และสามารถเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงโรคหรือภาวะต่างๆ ได้หลากหลาย ตั้งแต่ปัญหาที่ไม่รุนแรงและหายได้เอง ไปจนถึงภาวะที่ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน ดังนี้

1. โรคเอ็นกล้ามเนื้อหลังอักเสบ

เป็นสาเหตุที่มักถูกพบได้บ่อยที่สุด มักเกิดจากการใช้งานกล้ามเนื้อหลังมากเกินไป การยกของหนักผิดท่า หรือการบิดเอี้ยวตัวอย่างรวดเร็ว

ลักษณะและอาการ : มักมีอาการปวดตื้อๆ หรือปวดแปลบๆ ที่กล้ามเนื้อหลัง ไม่ได้ปวดที่แนวกระดูกสันหลังโดยตรง อาจมีอาการเกร็งร่วมด้วย อาการปวดอาจเป็นช่วงกลาง หรือค่อนไปข้างใดข้างหนึ่ง เช่น รู้สึกปวดหลังล่างซ้าย เมื่อก่อนหน้ามีการใช้งานกล้ามเนื้อฝั่งซ้ายมากกว่า ซึ่งอาการมักจะดีขึ้นเมื่อได้พักผ่อนและกินยา

2. โรคหมอนรองกระดูกเคลื่อนทับเส้นประสาท

โรคนี้คนทั่วไปเรียกกันสั้นๆ ว่า ‘หมอนรองกระดูกทับเส้น’ โดยเกิดจากหมอนรองกระดูกปลิ้นออกมาเบียด หรือกดทับเส้นประสาทบริเวณหลังล่าง

ลักษณะและอาการ : ปวดหลังส่วนล่างรุนแรง โดยอาการสำคัญคือมักมีอาการปวดร้าวลงขาร่วมด้วย โดยอาจปวดร้าวลงไปที่สะโพก ต้นขา น่อง หรือปลายเท้า หากหมอนรองกระดูกปลิ้นไปทางซ้าย ก็จะทำให้เกิดอาการปวดหลังซ้ายและร้าวลงขาซ้าย รวมถึงอาจมีอาการชาหรืออ่อนแรงที่ขาร่วมด้วย อาการมักเป็นมากขึ้นเมื่ออยู่ในท่าก้มตัว นั่งนานๆ และการไอ จาม หรือเบ่งถ่ายก็สามารถกระตุ้นอาการได้

3. โรคโพรงกระดูกสันหลังตีบแคบ

เป็นโรคที่มีสาเหตุเกิดจากความเสื่อมของกระดูกสันหลัง ทำให้โพรงที่เส้นประสาทวิ่งผ่านตีบหรือแคบลง และไปกดเบียดเส้นประสาทจนทำให้เกิดอาการปวดหลังขึ้นมาได้

ลักษณะและอาการ : มักมีอาการปวดหลังส่วนล่างร้าวลงขา ซึ่งคล้ายคลึงกับอาการหมอนรองกระดูกทับเส้น แต่ลักษณะเด่นที่แตกต่างคือ อาการปวดจะเป็นมากขึ้นเมื่อยืนหรือเดิน และจะดีขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อนั่งพัก 

4. โรคกระดูกสันหลังเสื่อม

เป็นโรคที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ เนื่องจากเป็นความเสื่อมสภาพตามวัยของข้อต่อและหมอนรองกระดูกสันหลัง

ลักษณะและอาการ : ปวดหลังส่วนล่างแบบตื้อๆ เรื้อรัง อาจมีอาการหลังแข็ง ตึงในตอนเช้า และดีขึ้นเมื่อได้พัก

5. มะเร็งกระดูกสันหลัง

อาการปวดหลังล่างจากมะเร็งกระดูกสันหลัง เป็นโรคที่พบได้น้อย ไม่บ่อยแต่ถือว่ารุนแรง โดยตัวเนื้องอกชนิดร้าย หรือมะเร็งนี้อาจเป็นมะเร็งที่แพร่กระจายมาจากอวัยวะอื่น หรือเป็นเนื้องอกของกระดูกสันหลังเองได้

ลักษณะและอาการ : ปวดหลังต่อเนื่อง ปวดตลอดเวลาแม้ขณะพักผ่อน และมักจะปวดมากในตอนกลางคืน ปวดจนสะดุ้งตื่น และอาจมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ เบื่ออาหาร มีไข้ หรืออาการทางระบบประสาท เช่น แขนขาอ่อนแรง เป็นต้น

6. อาการปวดหลังล่างจากอวัยวะภายใน

ในบางครั้งอาการปวดหลังล่างก็อาจไม่ได้มีสาเหตุมาจากกระดูกสันหลัง กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น หรือเส้นประสาทโดยตรง แต่อาจเป็นอาการปวดร้าวมาจากอวัยวะภายในที่ผิดปกติได้ เช่น

  • โรคไต: ตัวอย่างเช่น นิ่วในไต หรือกรวยไตอักเสบ มักทำให้ปวดบริเวณเอวหรือสีข้าง ซึ่งบางครั้งอาจทำให้รู้สึกปวดหลังด้านซ้ายบน หรือปวดหลังขวาบนได้ ขึ้นอยู่กับว่าตัวโรคเกิดขึ้นกับไตข้างไหน
  • ตับอ่อนอักเสบ: อาจทำให้ปวดท้องรุนแรงและร้าวทะลุไปที่หลัง ซึ่งอาจทำให้รู้สึกเหมือนปวดหลังส่วนกลาง หรือปวดหลังซ้ายบนได้
  • โรคทางนรีเวช หรือโรคที่เกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ในผู้หญิง: เช่น เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ อุ้งเชิงกรานอักเสบ หรือซีสต์ที่รังไข่ อาจทำให้เกิดอาการปวดหลังล่างซ้าย หรือขวาได้เช่นกัน

สรุปเปรียบเทียบความแตกต่างของอาการปวดหลังล่าง


โรค / ภาวะที่เป็นไปได้

ลักษณะอาการปวดเด่น

อาการอื่นที่พบร่วม

1. กล้ามเนื้ออักเสบ

ปวดตื้อๆ ที่กล้ามเนื้อ สัมพันธ์กับการใช้งาน

อาการดีขึ้นเมื่อได้พักผ่อน และกินยาเพื่อบรรเทาอาการปวด

2. หมอนรองกระดูกทับเส้น

ปวดร้าวลงขา (ข้างใดข้างหนึ่ง) หรือ ทั้ง 2 ข้าง

มีอาการชา อ่อนแรงที่ขา เป็นมากขึ้นเมื่ออยู่ในท่าก้มตัว หรือนั่งนานๆ การไอ จาม หรือเบ่งสามารถกระตุ้นอาการได้

3. โพรงกระดูกสันหลังตีบแคบ

ปวดร้าวลงขาเมื่อยืนหรือเดิน

อาการดีขึ้นชัดเจนเมื่อนั่งพัก

4. ข้อต่อกระดูกสันหลังเสื่อม

ปวดตื้อๆ เรื้อรัง มักจะปวดเวลาขยับตัว หลังตึงตอนเช้า


มักพบในผู้สูงอายุ

5. มะเร็งกระดูกสันหลัง

ปวดตลอดเวลา แม้ตอนพัก ปวดมากตอนกลางคืน ปวดจนสะดุ้งตื่น

มีไข้ น้ำหนักลด อ่อนเพลีย

6. อาการปวดหลังล่างจากอวัยวะภายใน
 

โรคไต: ปวดเอว หรือสีข้าง

ตับอ่อน: ปวดทะลุหลัง


มีอาการของระบบนั้นๆ ร่วมด้วย เช่น ปัสสาวะผิดปกติ


⚠️ สัญญาณอันตราย! ปวดหลังล่างแบบนี้... อย่ารอ! ควรรีบไปโรงพยาบาลด่วน 

แม้ว่าอาการปวดหลังล่างส่วนใหญ่จะไม่รุนแรง แต่หากคุณมีอาการปวดหลังร่วมกับอาการเหล่านี้ ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด เพราะอาจเป็นสัญญาณของภาวะร้ายแรงได้

  • ปวดรุนแรงตลอดเวลา ไม่ทุเลาแม้จะพักผ่อน
  • ปวดมากตอนกลางคืนจนสะดุ้งตื่น
  • มีไข้สูง หนาวสั่น 
  • น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว
  • ขาทั้ง 2 ข้าง ชาหรืออ่อนแรงอย่างชัดเจน
  • ควบคุมการปัสสาวะหรืออุจจาระไม่ได้ หรือมีอาการชาบริเวณก้นและอวัยวะเพศ 

หากดูแลตัวเองเบื้องต้นแล้วอาการไม่ดีขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์ หรือมีสัญญาณอันตรายดังที่กล่าวมา ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อรับการวินิจฉัยที่ถูกต้องและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมต่อไป

แนวทางการรักษาอาการปวดหลังล่าง มีวิธีอะไรบ้าง ?

สำหรับแนวทางการรักษาอาการปวดหลังล่างจะขึ้นอยู่กับสาเหตุของโรค โดยแพทย์จะทำการตรวจวินิจฉัยเบื้องต้น จากนั้นจะมีการทำกายภาพบำบัด การใช้ยาเพื่อลดปวดและอักเสบ การฉีดยาเข้าโพรงกระดูกสันหลัง ไปจนถึงการผ่าตัดในกรณีที่มีข้อบ่งชี้ชัดเจน โดยแพทย์จะพิจารณาเลือกวิธีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้ป่วยแต่ละราย

และนี่ก็คือข้อมูลเกี่ยวกับอาการปวดหลังส่วนล่างเบื้องต้นที่เรานำมาฝาก เพื่อให้คุณได้ลองสังเกตอาการปวดหลังของตนเอง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมักเกิดจากปัญหากล้ามเนื้อและสามารถดีขึ้นได้ด้วยการพักผ่อนและดูแลตัวเอง แต่บางกรณีก็อาจเป็นสัญญาณของโรคที่รุนแรงได้เช่นกัน การสังเกตลักษณะอาการและอาการร่วมต่างๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญ รวมถึงการปรับพฤติกรรมการนั่ง การยกของให้ถูกท่า ควบคุมน้ำหนักและออกกำลังกายเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวเป็นประจำ ก็จะช่วยให้คุณห่างไกลจากปัญหาปวดหลังได้แล้ว 

 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและนัดหมายแพทย์ได้ที่ 

ศูนย์กระดูกและข้อ ชั้น 4 โรงพยาบาลวิมุต 

เวลาทำการ 08:00-20:00 น. โทร. 0-2079-0060
หรือดาวน์โหลด ViMUT Application เพื่อนัดหมายแพทย์ หรือบริการปรึกษาหมอออนไลน์

ทุกปัญหาสุขภาพ ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางออนไลน์ ที่พร้อมดูแลคุณด้วยความใส่ใจ

ผู้เขียน
นพ.วรายุทธ แสงสุวรรณ

แนะนำแพทย์ที่เกี่ยวข้อง

Card Image
นพ.วรายุทธ
แสงสุวรรณ
ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ
แพทย์ผู้ชำนาญการด้านกระดูกสันหลัง

เรื่องสุขภาพน่ารู้ที่เกี่ยวข้อง

Card Image
ข้อเท้าแพลง รับมืออย่างไร

ข้อเท้าแพลง คือการบาดเจ็บบริเวณข้อเท้า ที่เกิดจากการบิด หมุน หรือพลิกเกินช่วงการเคลื่อนไหวปกติ ทำให้เอ็นบริเวณข้อเท้าเกิดการยืดออกมากจนเกินไป การบาดเจ็บมักเกิดบริเวณข้อเท้าด้านนอก หากรุนแรงมาก อาจส่งผลให้เอ็นเกิดการฉีดขาด มีอาการปวด บวม และสูญเสียความมั่นคงของข้อเท้า

อ่านเพิ่มเติม
Card Image
5 ปัจจัยทำ ให้เกิดโรคข้อเข่าเสื่อม

คุณเคยไหม ที่รู้สึกปวดเข่า เมื่อต้องขึ้นลงบันได หรือ มีเสียงดังก๊อบแก๊บที่เข่าเวลาเดิน นั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคข้อเข่าเสื่อม จริง ๆ แล้ว ปัจจัยที่ทำให้ข้อเข่าเสื่อมมีอยู่มากมาย แต่วันนี้ขอนำเอาปัจจัย 5 ข้อสำคัญๆ ที่มีผลมากที่สุด มาให้ความรู้กันครับ

อ่านเพิ่มเติม
Card Image
ระวังภัยร้ายจาก Work from home syndrome ถามหา

ถึงสถานการณ์จะกลับมาคลี่คลายแล้ว แต่หลายบริษัทยังคงให้ Work From Home อยู่เพื่อความปลอดภัย ซึ่งการทำงานจากบ้านที่ดูเหมือนจะสบายนั้น อาจสร้างปัญหาสุขภาพได้มากกว่าที่คิด

อ่านเพิ่มเติม
Card Image
ทำอย่างไร เมื่อข้อไหล่ติด รบกวนชีวิตประจำวัน

ข้อไหล่ติด ปวดไหล่ ขยับไหล่แล้วเจ็บ หรือขยับไหล่ได้น้อยลงจนหลายคนใช้ชีวิตลำบาก วันนี้เรามีข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับสาเหตุ อาการและวิธีรักษาข้อไหล่ติดโดยไม่ต้องผ่าตัดมาฝากกัน

อ่านเพิ่มเติม