“ท้องผูก” ปัญหาการถ่ายที่ไม่ใช่เพียงแค่…ถ่ายไม่ออก!

16 มี.ค. 66  | ศูนย์ทางเดินอาหารและตับ
แชร์บทความ      

ท้องผูกปัญหาการถ่ายที่ไม่ใช่เพียงแค่ถ่ายไม่ออก!

ใครกำลังมีปัญหาเรื่องการขับถ่ายหนัก โดยเฉพาะอาการท้องผูกอยู่บ้าง ? เราเชื่อว่าหลายคนคงจะยกมือขึ้นรัวๆ พร้อมกันอย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับชาวออฟฟิศวัยทำงานที่พกความเครียดติดตัวอยู่ตลอดเวลา ซึ่งจริงๆ ปัญหา “ท้องผูก” ฟังๆ ดูแล้วเหมือนจะเป็นเรื่องเล็ก แต่สามารถสร้างความลำบากและรบกวนการใช้ชีวิตไม่น้อย ที่สำคัญการปล่อยให้อาการท้องผูกอยู่กับเราไปนาน ๆ จนต่อยอดเป็น “ท้องผูกเรื้อรัง” อาจกลายเป็นช่องทางที่นำไปสู่โรคอันตรายอื่นๆ ที่ต้องอาศัยการรักษาที่ซับซ้อนกันเลยทีเดียว

อาการท้องผูก ไม่ใช่เพียงแค่ถ่ายไม่ออกเท่านั้น

เรื่องของท้องผูก หลายคนอาจมีคำถามที่สงสัยมานานว่าจริงๆ แล้วต้องไม่ถ่ายนานกี่วันถึงจะเรียกว่าท้องผูก อุจจาระสัปดาห์ละ 2 ครั้ง นับเป็นอาการท้องผูกไหม หรืออุจจาระแข็ง ต้องออกแรงเบ่ง แบบนี้เรียกว่าท้องผูกได้หรือไม่ ซึ่งจริงๆ แล้วการขับถ่ายที่ดีไม่จำเป็นต้องขับถ่ายทุกวัน เพียงแต่ต้องขับถ่ายได้ง่าย ไม่ต้องใช้แรงเยอะและไม่ใช้เวลานาน ซึ่งจริงๆ แล้วท้องผูกนั้นเป็นอะไรที่มากกว่าแค่การไม่ถ่ายหรือถ่ายไม่ออก นั่นก็คือปัญหาถ่ายแล้วรู้สึกไม่หมดหรือถ่ายไม่สุด จนอาจจะทำให้ต้องเข้าห้องน้ำหลายครั้งในหนึ่งวัน ถ่ายยาก ต้องใช้เวลานานหรือต้องออกแรงเบ่งเยอะ ถ่ายได้น้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ รวมถึงถ่ายแล้วรู้สึกเจ็บหรือถ่ายมีเลือดปน เป็นต้น ซึ่งอาการเหล่านี้ล้วนเข้าข่ายภาวะท้องผูกทั้งหมด

ชวนสังเกต สาเหตุที่ทำให้ท้องผูก เกิดจากอะไรได้บ้าง

ปัญหาท้องผูกนั้นสามารถเกิดขึ้นได้จากหลากหลายสาเหตุ แน่นอนว่าการรับประทานอาหารที่มีสัดส่วนของกากใยน้อย ดื่มน้ำน้อย หรือกลั้นอุจจาระเป็นประจำ ความผิดปกติของเกลือแร่ในร่างกาย โรคทางระบบประสาทหรือทางสมองเช่นโรคพาร์กินสัน หรือ หลอดเลือดสมองตีบ โรคต่อมไร้ท่อบางชนิด เช่น ภาวะฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำ หรือ โรคเบาหวาน และยาบางชนิดเช่นยารักษาความดันโลหิต ยารักษาพาร์กินสัน และ ยาแก้ปวดบางชนิด เป็นสาเหตุเบื้องต้นที่ทำเริ่มเกิดอาการท้องผูกได้ อย่างไรก็ดีในหากมีภาวะท้องผูกเรื้อรัง ยังต้องคำนึงถึงสาเหตุหลักเหล่านี้ประกอบกัน เพื่อรักษาให้ตรงสาเหตุ

  • ปัญหาการทำงานของลำไส้ เป็นปัญหาจากระบบการทำงานของลำไส้เองที่ทำให้ร่างกายเกิดปัญหาท้องผูก โดยสามารถแบ่งออกได้เป็นปัญหาต่างๆดังนี้

- กล้ามเนื้อที่ใช้ในการขับถ่ายทำงานไม่สัมพันธ์กัน ปัญหานี้เกิดจากกล้ามเนื้อหูรูดไม่คลายเมื่อเบ่งอุจจาระ และอาจพบร่วมกับกล้ามเนื้อที่ใช้ในการเบ่งทำงานไม่สมบูรณ์ จึงทำให้ถ่ายไม่ออก ทั้งยังต้องใช้ทั้งแรงเบ่งและเวลาในการขับถ่ายที่นานมากกว่าปกติ

- การรับรู้ความรู้สึกของลำไส้ส่วนปลายมีความผิดปกติไป ปกติเมื่ออุจจาระปริทาณที่เหมาะสมลงมาถึงลำไส้ส่วนปลาย จะมีการส่งสัญญาณไปถึงสมองเพื่อกระตุ้นให้มีการเกิดการขับถ่าย ความผิดปกติตรงระบบนี้ทำให้เรารู้สึกปวดถ่ายในเวลาที่อุจจาระปริมาณไม่เหมาะสม เช่นรู้สึกเร็วไป หรือช้าไป หรือ ไม่รู้สึกปวดถ่ายเลย ทำให้การขับถ่ายเป็นไปได้อย่างลำบาก

- ลำไส้ใหญ่บีบตัวช้าหรือเคลื่อนตัวช้า ทำให้การเคลื่อนตัวของอุจจาระลงมาสู่สำใส้ใหญ่ส่วนปลายเป็นไปได้อย่างช้า และทำให้อุจจาระแข็งถ่ายลำบาก หรืออุจจาระแข็งถ่ายออกมาเป็นเม็ดเล็กๆ และรู้สึกไม่หมดได้

ทั้งนี้ทั้งนั้นอาการท้องผูก ถ่ายไม่ออกอาจเป็นอาการนำหรืออาการแสดงของภาวะอุดกั้นของลำไส้ใหญ่ได้เช่น จากการมีเนื้องอกในลำไส้ใหญ่ หรือจากการรัดของพังพืดที่เกิดขึ้นจากการอักเสบเรื้อรังหรือภายหลังการผ่าตัดในช่องท้องทำให้ลำไส้มีการตีบแคบลง

ปัญหาท้องผูกเรื้อรังนั้นต้องรักษาที่สาเหตุ และเมื่อใดก็ตามที่ร่างกายเริ่มมีการขับถ่ายที่ผิดปกติไปจากเดิม เราต้องสังเกตอาการและรีบหาสาเหตุ เพราะหากปล่อยไว้จนเกิดท้องผูกเรื้อรัง นั่นอาจกลายเป็นช่องทางสู่โรคอันตรายอื่นๆ อย่างริดสีดวง ลำไส้เป็นแผล และภาวะท้องผูกเองยังเป็นอาการนำหรืออาการที่บ่งชี้ถึงภาวะลำไส้อุดตัน หรือมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้

ท้องผูกเป็นแล้วหายได้ แค่ต้องแก้ให้ถูกวิธี

หลายคนพบว่าตัวเองมีปัญหาในการขับถ่าย ท้องผูก ถ่ายไม่ออก ก็จะเริ่มตั้งคำถามว่าท้องผูกกินอะไรดี หรือท้องผูกทำไงดี แน่นอนว่าเราสามารถเริ่มต้นดูแลตัวเองได้ง่ายๆ ดังนี้

  • รับประทานผัก ผลไม้มีกากใย อย่างที่เรารู้กันดีว่าการรับประทานผักหรือผลไม้ที่มีกากใยสูง จะช่วยอุ้มน้ำและรวมกลุ่มก้อนของเสีย ช่วยให้ร่างกายขับเคลื่อนของเสียหลังการดูดซึมสารอาหารออกมาได้ง่ายขึ้น
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ การดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสมนอกจากจะดีต่อร่างกายแล้ว ยังดีต่อการขับถ่ายอีกด้วย เพราะน้ำจะช่วยให้อุจจาระอ่อนนุ่ม และถ่ายได้ง่ายขึ้นนั่นเอง
  • ออกกำลังกายเป็นประจำ การออกกำลังกายไม่เพียงแต่ช่วยเรื่องเผาผลาญเท่านั้น แต่ยังกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ใหญ่ภายหลังการออกกำลังกาย ทำให้ระบบการขับถ่ายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
  • ฝึกหัดขับถ่ายเป็นเวลา การแก้ปัญหาท้องผูกข้อนี้ก็สำคัญไม่แพ้กัน การจัดตารางเวลาเข้าห้องน้ำให้เป็นเวลาจะช่วยให้ร่างกายมีการทำงานที่เป็นระบบมากขึ้น รวมไปถึงไม่นำอุปกรณ์ต่างๆ เข่นมือถือ หรือ หนังสือ หรือทำสิ่งอื่นใดขณะทำการขับถ่าย ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาการขับถ่ายให้ดีขึ้นได้นั่นเอง
  • หากมีปัญหาท้องผูกเรื้อรังควรเข้ารับการตรวจเพื่อสืบค้นสาเหตุ เพื่อรักษาภาวะท้องผูกเรื้อรังตามเหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการ

การตรวจหาสาเหตุท้องผูกเรื้อรังเพื่อรักษาให้ตรงจุดซึ่งมีบริการในโรงพยาบาลวิมุต

  1. High resolution anorectal manometry ซึ่งจะตรวจสองส่วนด้วยกัน โดยตรวจความสัมพันธ์และการทำงานของกล้ามเนื้อในการขับถ่าย และ ความรู้สึกรับรู้เวลาอุจจาระลงมาในล้ำไส้ใหญ่ส่วนปลาย (หรือความรู้สึกปวดถ่าย ซึ่งเป็นสาเหตุส่วนมากที่พบได้ในภาวะท้องผูกเรื้อรัง และ มีโอกาสสูงที่จะสามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยการรักษาที่เรียกว่า Biofeedbcak therapy 
  2. Colonic transit study หรือการตรวจการตัวของอุจจาระในลำไส้ใหญ่ ซึ่งจะได้ประโยชน์ในผู้ป่วยที่สงสัยภาวะ ลำไส้ใหญ่บีบตัวหรือเคลื่อนตัวช้า (slow transit constipation) 
  3. การส่องกล้อง colonoscopy จะทำในรายที่สงสัยว่าอาจจะมาจากการอุดกั้น หรือ อุดตันของลำไส้ใหญ่ ในผู้ป่วยที่มีประวัติเสี่ยงหรือประวัติครอบครัวที่เป็นมะเร็ง หรือในผู้ป่วยที่มีเลือดออกร่วมมีภาวะซีด ปวดท้อง หรือน้ำหนักลดไม่ทราบสาเหตุ ด้วย ทั้งนี้ขึ้นกับดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา

การขับถ่ายอาจดูเป็นเรื่องที่ไม่ซับซ้อนแต่ปัญหาท้องผูกเรื้อรังกลับเป็นปัญหาที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตอย่างมาก หากลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรม แก้ปัญหาท้องผูกด้วยตัวเองแล้วไม่ดีขึ้น การตรวจเพื่อหาสาเหตุ และ การรักษาที่ตรงกับสาเหตุสามารถช่วยแก้ปัญหาเรื้อรังที่กวนใจมาเป็นเวลานานและ ส่งผลดีต่อคุณภาพชีวิตของเราได้ ท้องผูกไม่ได้เท่ากับยาระบายหรือ การdetoxเสมอไป สามารถปรึกษาเพื่อรับคำแนะนำทั้งในเรื่องของโรค การปฏิบัติตัว หรือ ตรวจและรักษาตามสาเหตุได้

เรียบเรียงโดย นพ. กุลเทพ รัตนโกวิท อายุรแพทย์ผู้ชำนาญการโรคระบบทางเดินอาหาร

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและนัดหมายแพทย์ได้ที่
ศูนย์ทางเดินอาหารและตับ ชั้น 5 โรงพยาบาลวิมุต

เวลา 08.00-20.00 น. โทร. 0-2079-0054  

หรือดาวน์โหลด ViMUT Application เพื่อนัดหมายแพทย์ หรือบริการปรึกษาหมอออนไลน์

 

ทุกปัญหาสุขภาพ ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางออนไลน์ ที่พร้อมดูแลคุณด้วยความใส่ใจ

ผู้เขียน
นพ. กุลเทพ รัตนโกวิท

แนะนำแพทย์ที่เกี่ยวข้อง

Card Image
นพ.กุลเทพ
รัตนโกวิท
อายุรแพทย์
แพทย์ผู้ชำนาญการโรคระบบทางเดินอาหาร

เรื่องสุขภาพน่ารู้ที่เกี่ยวข้อง

Card Image
ไขมันพอกตับ ภาวะอันตรายที่คุณเสี่ยงแค่ไหน? มาเช็กกัน !

ไขมันพอกตับ ภาวะร้ายทำลายตับ ที่อาจทำให้คุณเสี่ยงเป็นตับอักเสบ ตับแข็งและมะเร็งตับได้ ชวนคุณสังเกตอาการได้อย่างไร การตรวจและการรักษาทำอย่างไร เรามีข้อมูลมาให้แล้ว

อ่านเพิ่มเติม
Card Image
ไขมันพอกตับ ภัยเงียบคร่าชีวิตที่คุณอาจไม่รู้ตัว

ไขมันพอกตับ ภาวะร้ายทำลายตับ ที่อาจทำให้คุณเสี่ยงเป็นตับอักเสบ ตับแข็งและมะเร็งตับได้ แต่จะสังเกตอาการได้อย่างไร การตรวจและการรักษาทำอย่างไร

อ่านเพิ่มเติม
Card Image
โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ รู้ก่อนป้องกันได้ รักษาไว

ปวดท้องบ่อย ท้องผูกบ่อยและมีเลือดออกมาพร้อมอุจจาระ อาการแบบนี้คุณอาจกำลังเสี่ยงโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ มาเช็กอาการและสัญญาณเตือนของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่กันได้ที่นี่

อ่านเพิ่มเติม
Card Image
อย่าปล่อยให้อาการ “ลำไส้แปรปรวน” ทำให้ชีวิตคุณต้องชะงัก

ชวนมาหาคำตอบโรคลำไส้แปรปรวน ปัญหาลำไส้ทำงานผิดปกติ ที่มักมีอาการปวดท้องบิดเกร็งเป็นพักๆ หรือท้องเสียสลับท้องผูก ถ่ายไม่ค่อยออก แถมปวดท้องแบบไม่เลือกเวลา สังเกตอาการได้ที่นี่

อ่านเพิ่มเติม